บล.KTBST ประเมินความกังวลจากเรื่อง Deutsche Bank ส่งผลกระทบในช่วงสั้น

27 ก.ย. 2559 | 08:25 น.
บล.KTBST ประเมินความกังวลจากเรื่อง Deutsche Bank ส่งผลกระทบในช่วงสั้น จับตาการประชุมผู้ผลิตน้ำมันวันที่ 28 ก.ย. คาดผลประชุมจะ “คงกำลังการผลิต” ส่งผลราคาน้ำมันทรงตัวต่อ ขณะที่ประเมิน GDP ศก.ไทยปีนี้เติบโตที่ 3.2 - 3.5% หลัง ADB คาดโตที่ 3.2%”

นายชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลกที่มีการปรับตัวลดลง จากความกังวลของ Deutsche Bank ที่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐสั่งปรับกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ กรณีที่เป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 ซึ่งผลในระยะสั้นทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล แต่ในระยะยาวแล้วน่าจะไกล่เลี่ยกันได้ในเรื่องนี้ เพราะเนื่องจาก Deutsche Bank เป็นธนาคารใหญ่สุดของเยอรมัน ซึ่งหากต้องจ่ายเงินค่าปรับจำนวนดังกล่าวจริงจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ Deutsche Bank และส่งผลต่อเนื่องไปถึง เศรษฐกิจของยูโรโซนมากขึ้นไปอีก ซึ่ง ณ ปัจจุบันเศรษฐกิจยูโรโซนยังไม่ฟื้นตัวมาก

ขณะที่ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจ (IFO) ของประเทศเยอรมัน ในเดือน ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 109.5 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 106.4 ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 2 ปี แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเยอรมันมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนราคาน้ำมันยังเกิดความผันผวนค่อนข้างมากจากการประชุม OPEC ที่ประเทศแอลจีเรีย โดยผู้ผลิตน้ำมันหลายรายต้องการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันเอาไว้แต่ก็ยังมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันระหว่างผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ระหว่าง ซาอุดิอาระเบีย และ อิหร่าน ซึ่งการประชุมในวันที่ 28 ก.ย.นี้ บล.KTBST คาดว่ามีแนวโน้มที่ผลการประชุมจะคงกำลังการผลิตเอาไว้ ซึ่งหากผลการประชุมออกมาตามนี้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับทรงตัวต่อไปหากหาข้อสรุปไม่ได้ราคาน้ำมันอาจปรับตัวลง

ด้าน ADB หรือธนาคารพัฒนาเอเชียปรับประมาณการ GDP ของไทยปีนี้ จาก 3.0 เป็น 3.2% ส่วนปี 2560 คงคาดการณ์เดิมที่ 3.5% จากอานิสงส์ของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และแนวโน้มการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน โดยที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ครึ่งปีแรก GDP ของไทยขยายตัว 3.4% จากฐานของ GDP ที่ต่ำในปีก่อน เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงมาก และปีนี้ มีการประตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐ บล.KTBST ประเมินได้ว่า GDP ปี 2559 น่าจะตกอยู่ในกรอบ 3.2 - 3.5%

"การลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้ บล.KTBST แนะนำ ซื้อสะสมตลาดหุ้นจีนที่ได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินทุนเคลื่อนย้าย และให้ทยอยขายทำกำไรตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นและตลาดหุ้นยุโรปจากทิศทางตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ KTBST ยังคงแนะนำให้สะสมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน และหุ้นกู้เอกชนไทย"