อะคิโยชิเปิดแผนดักนักชิมไฮโซ เทงบ 60 ล้านพัฒนาครัวกลาง ไอทีท้าชนแบรนด์ดัง

29 ส.ค. 2559 | 08:00 น.
"อะคิโยชิ" ซุ่มเงียบกินแชร์ตลาดอาหารญี่ปุ่นและชาบูพรีเมียม ชูกลยุทธ์ป่าล้อมเมืองดักนักชิมไฮโซ หลังปักหมุดนาน 20 ปี ล่าสุดเท 60 ล้านบาท พัฒนาครัวกลาง วางระบบไอที พร้อมสร้างมาตรฐานเดียวกัน จ่อหวนรุกตลาดรอบกว่า 10 ปี วางเป้าหมาย 2 ปีนับจากนี้ขยาย 16 สาขา ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด หลัง 3-4 ปีทีผ่านมายอดขายเติบโต 4 เท่าตัว

นายสุรไกร ไพรสานฑ์กุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อะคิโยชิ จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่น "อะคิโยชิ" (Akiyoshi) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 60 ล้านบาท ในการพัฒนาครัวกลางที่ตั้งอยู่ย่านพระโขนง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาครัวกลาง ระบบไอที โกดัง การจัดส่ง การซื้อขายหน้าร้านและตัวออฟฟิต เพื่อให้มีมาตรฐานมากที่สุด โดยครัวกลางแห่งนี้สามารถรองรับได้ 20 สาขา จากปัจจุบันที่บริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 8 สาขา และหากอนาคตมีการขยายสาขาเกิน 20 สาขาแล้วก็จะมีการพัฒนาครัวกลางขึ้นมารองรับอีกครั้งหนึ่ง

" 3 ปีที่ผ่านมามีการขยายสาขาร้านเพิ่มถึง 7 สาขา หลังจากที่ไม่มีการขยายสาขามา 15 ปี จากเดิมที่มีเพียงแค่ 1 สาขาในย่านพระโขนง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่คุณแม่ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่มแต่ยังไม่มีการนำมาต่อยอด ดังนั้นเมื่อมีโอกาสจึงนำกลับมาต่อยอดใหม่อีกครั้งเพื่อพัฒนาแบรดน์ให้มีการเติบโต ขณะเดียวกันยังมองว่าปัจจุบันร้านอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มชาบูกำลังได้รับความนิยม ซึ่งทางแบรนด์อะคิโยชิถือเป็นเจ้าแรกๆที่เข้ามาทำตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยช่วง 20 ปีทีผ่านมา"

นายสุรไกร กล่าวต่อไปว่าระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมาตัวธุรกิจของร้านเติบเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจึงมีการพัฒนาต่อยอดอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเมนูที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเข้าไป ขณะเดียวกันก็ปรับให้มีทั้งรูปแบบของบัฟเฟต์ และอะลาคาร์ท เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกัน โดยในแบบบัฟเฟต์ทมีราคาตั้งแต่ 420 บาท สำหรับน้ำซุปชาบู 1 ชนิด และ 470 บาท สำหรับน้ำซุปชาบู 2 ชนิด ขณะที่รูปแบบการทำตลาดของแบรนด์ในปีหน้ามองว่าเป็นช่วงของการสร้างแบรน์และเตรียมความพร้อมของระบบให้แข็งแกร่งก่อนที่จะรุกตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง

"ที่ผ่านมาทางร้านเติบโตจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของร้านที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นในสไตล์ต้นตำรับ และกลุ่มลูกค้าที่บอกต่อปากต่อปาก ดังนั้นแผนงานต่อจากนี้ของเราคือการทำอย่างไรที่จะขยายแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น" นายสุรไกรกล่าวและว่า

แน่นอนว่าขั้นต้นต้องมีการพัฒนาระบบให้ได้มาตรฐานเสียก่อนหลังจากนั้นจึงจะเป็นช่วงของการขยายสาขาและทำตลาด ขณะที่จำนวนสาขา 8 สาขาในปัจจุบันของบริษัทนั้นแม้จะยังมีจำนวนไม่มากนัก เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น แต่จากการที่บริษัทให้ความสำคัญกับการขยายผ่านโลเคชั่นหลักที่มีครบทั้ง 4 มุมเมืองนั้น เชื่อว่าจะสามารถรองรับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างสะดวกอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเป้าหมายของบริษัทในการพัฒนาแบรนด์อะคิโยชินับจากนี้คือ การมุ่งมั่นและพัฒนารสชาติให้เป็นมาตราฐานเดียวกันในทุกสาขา หรือเรียกว่าเป็นช่วงของการพัฒนาระบบให้เต็ม100% หลังจากนั้นจึงจะเป็นช่วงของการขยายสาขา แบบก้าวกระโดดอาจจะถึง 16 สาขาในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้ ซึ่งมีความเป้นไปได้ทั้งในกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ ขอนแก่น นครรราชสีมา และชลบุรี เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,187 วันที่ 28 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559