จับกระแส Lifestyle Service เสิร์ฟบริการเหนือระดับจับลูกค้าท็อปลิสต์ A++

26 มี.ค. 2559 | 00:00 น.
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้า (Customer relationship management : CRM) ถือเป็นหัวใจหลักที่จะสร้างความจงรักภักดีให้เกิดกับแบรนด์หรือองค์กรนั้นๆ ในยุคนี้ CRM จึงไม่ใช่แค่อีเวนต์อีเวนต์หนึ่ง แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดที่ต้องเดินหน้าไปพร้อมกับโปรโมชันต่างๆ

[caption id="attachment_40519" align="aligncenter" width="335"] กนกพร ณ ระนอง ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร  บริษัท เดอะ แบล็ค ไท เซอร์วิส จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจให้บริการ "Lifestyle Service" กนกพร ณ ระนอง
ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร
บริษัท เดอะ แบล็ค ไท เซอร์วิส จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจให้บริการ "Lifestyle Service"[/caption]

แต่การจะสร้างสรรค์สิ่งโดนใจหรือประทับใจให้กับลูกค้า จำเป็นจะต้องเข้าถึงและมีความแตกต่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้หลายองค์กรไม่มี และหากต้องการจะมีสามารถเรียกใช้บริการ "เดอะ แบล็คไท เซอร์วิส" (The Black Tie Service) ธุรกิจเทรนด์ใหม่ที่จะมาเสิร์ฟทุกสิ่งสรรถึงประตูบ้าน โดย "กนกพร ณ ระนอง" ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ แบล็ค ไท เซอร์วิส จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจให้บริการ "Lifestyle Service" ที่มาสร้างประสบการณ์สุดหรูแบบ "Luxury" ครบวงจร ให้กับกลุ่มลูกค้า บริษัทระดับสูง (Corporate Super Premium) ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจและเติบโตเป็นอันดับต้นๆ ในทั่วโลก

 Lifestyle Service คืออะไร

"กนกพร" บอกว่า ปัจจุบันทุกองค์กรให้ความสำคัญกับซีอาร์เอ็มมาก เพราะต้องการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้า เห็นได้จากการที่แต่ละองค์กรแบ่งกลุ่มของลูกค้าต่างกันไป เช่น ธุรกิจธนาคารจะมีการแบ่งลูกค้าประเภทไพรเวตแบงกิ้ง (Private Banking) หรือธุรกิจประกันภัย จะมีการแบ่งลูกค้าแพลทินัม (Platinum) เป็นต้น ดังนั้นการสร้างความสัมพันธ์ให้กลุ่มลูกค้าเซ็กเมนต์นี้เพื่อให้เกิดความประทับใจสูงสุด จึงจำเป็นจะต้องมีความชำนาญ เชี่ยวชาญ และความเข้าใจในไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้อย่างแท้จริง

"เมื่อธุรกิจมีการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา การจะทำให้ตัวเองมีความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ถือเป็นความได้เปรียบ ธุรกิจให้บริการ "Lifestyle Service" ระดับ "Luxury" จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมกลยุทธ์ CRM ให้กับองค์กรเหล่านี้ ด้วยการเข้าไปดูแลลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มระดับพรีเมียม (Premium) หรืออัลตราพรีเมียม (Ultra Premium) แบบครบวงจร"

ทั้งนี้บริษัทจะนำเสนอการบริการในรูปแบบต่างๆ โดยร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการจัดทริปสุดหรู , บริการเลขาฯส่วนตัวแบบมืออาชีพ (Butler), คอนเซียร์จเซอร์วิสต่างๆ อาทิ บริการรถลีมูซีน, รถวินเทจ, เรือยอตช์ส่วนตัว, เครื่องบินส่วนตัวและเฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ รวมถึงการเข้าร่วมงานอีเวนต์ระดับโลก ซึ่งจะถูกจัดขึ้นมากกว่า 5 หมื่นอีเวนต์รอบโลกต่อปี อาทิ งานประกาศรางวัลออสการ์, เทศกาลหนังทั่วโลก, คอนเสิร์ต, ที่นั่งวีไอพีในการแข่งขันฟุตบอลและเทนนิสแมตช์ต่างๆ เป็นต้น รวมถึงการให้คำปรึกษาคอร์ปอเรตซีอาร์เอ็มและมาร์เก็ตติ้งโซลูชันครบวงจร

 ใครคือลูกค้าของแบล็คไท

"กนกพร" ยังบอกอีกว่า กลุ่มลูกค้าระดับสูงถือว่าเป็นท็อปลิสต์A++ ที่มีอำนาจในการจับจ่ายสูงและมีคอนเนกชันส่วนตัวอยู่แล้ว ดังนั้นการมอบส่วนลด หรือการคืนกำไรแบบทั่วไป จึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากได้รับ แต่ต้องเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เช่น ประสบการณ์สุดพิเศษ, เอกสิทธิ์พิเศษ หรือการบริการเหนือระดับสุด Exclusive ในรูปแบบไม่เหมือนใคร ที่สามารถจับต้องได้ แต่ประเมินค่าไม่ได้ หรือที่เรียกว่า "เงินไม่สามารถซื้อได้" นั่นเอง

ขณะที่ในธุรกิจบริการรูปแบบนี้ยังมีผู้เล่นน้อยราย จึงเป็นโอกาสที่ดีของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่เป็นองค์กรชั้นนำระดับประเทศ ทั้งกลุ่ม Private Banking , กลุ่มรถยนต์ท็อปคลาส, สายการบิน, รายการโทรทัศน์, บริษัทข้ามชาติ จากสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์ ,สิงคโปร์, ฮ่องกง, จีน ฯลฯ ) รวมถึงการดูแลดาราและศิลปินระดับโลกด้วย

 แผนธุรกิจในอนาคต

ล่าสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทเซ็นสัญญาความร่วมมือกับ CONSORTIO SERVICES ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านไลฟ์สไตล์เซอร์วิสระดับไฮเอนด์เช่นเดียวกับ เพื่อสร้างเครือข่ายกระจายทั่วอาเซียน ซึ่งจะช่วยยกระดับให้เดอะ แบล็คไท ก้าวขึ้นสู่การเป็น Regional Lifestyle Service และบริษัทยังเตรียมเพิ่มรูปแบบการให้บริการโมบายคอนเซียร์จเซอร์วิส (Mobile Concierge Service) ผ่านแอพพลิเคชัน ภายใต้ชื่อ "BT CONCIERGE" รองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริหารระดับสูงที่มีเวลาจำกัด โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมนี้

โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของผู้ให้บริการด้านคอนเซียร์จของเมืองไทย โดยเพิ่มการขยายฐานบริการเจาะลูกค้าไพรเวต แบงกิ้ง 10-15 % รองลงมาได้แก่กลุ่มรีวอร์ดการ์ดต่างๆ และกลุ่มเอ็กแพทบริษัทที่เข้ามาลงทุนในเมืองไทย รวมถึงกระจายการให้บริการไปยังหัวเมืองใหญ่ๆ เช่น พัทยา หัวหินหาดใหญ่ ขอนแก่น เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,143 วันที่ 25 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2559