เปิดผลหารือ 'ไทย-กัมพูชา-จีน' เดินหน้าลดเผชิญหน้า ฟื้นความมั่นคง ส่งกลับทหาร 18 นาย

29 ธ.ค. 2568 | 06:58 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ธ.ค. 2568 | 07:06 น.

ไทย-กัมพูชาหารือจีนในเวทีสามฝ่าย ติดตามพัฒนาการหลังข้อตกลงหยุดยิง ชูบทบาทจีนเป็นกลไกสนับสนุนสันติภาพโดยไม่แทรกแซง ไทยย้ำเลือกเส้นทางสันติ เตรียมพิจารณาส่งทหาร 18 นาย ลดเผชิญหน้า–เก็บกู้ทุ่นระเบิด ฟื้นความปลอดภัยชายแดน

KEY

POINTS

  • ไทย กัมพูชา และจีน จัดการประชุมสามฝ่ายเพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนหลังข้อตกลงหยุดยิง โดยจีนทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน
  • ไทยและกัมพูชาจะร่วมมือกันในหลายด้านเพื่อฟื้นฟูความมั่นคง เช่น การลดการเผชิญหน้า การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการถอนอาวุธหนัก
  • หลังการหยุดยิง 72 ชั่วโมง ไทยจะพิจารณาส่งทหาร 18 นายกลับให้กัมพูชา เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมสามฝ่ายเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ไทย - กัมพูชา

โดยรายงานข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุมสามฝ่ายกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา และนายหวัง อี้  สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ภายหลังข้อตกลงหยุดยิง

ไทยและกัมพูชาขอบคุณจีนสำหรับบทบาทและความเข้าใจในการช่วยสนับสนุนการแก้ไขความตึงเครียดระหว่างกันเสมอมา โดยจีนย้ำว่าเคารพหลักการไม่แทรกแซง แต่ประสงค์เป็นช่องทางให้ทั้งสองประเทศได้หารือกันในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน

ไทยย้ำว่าประสงค์จะมีการพัฒนาความสัมพันธ์ก้าวหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอนภายหลังการหยุดยิง โดยไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพเสมอมา และต้องการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างรัฐบาลและประชาชนทั้งสองฝ่าย

โดยภายหลังการหยุดยิง 72 ชั่วโมง ไทยก็จะพิจารณาส่งทหาร 18 คนให้กัมพูชา และขอให้กัมพูชาอำนวยความสะดวกในการให้คนไทยบริเวณชายแดนได้เดินทางกลับประเทศ และทั้งสองฝ่ายจะหารือกันเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การลดการเผชิญหน้า การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนัก การปราบปรามสแกมเมอร์ เป็นต้น เพื่อนำความปลอดภัยกลับมาสู่ประชาชนทั้งสองฝั่งให้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ