‘ฮาโลวีน’ เทศกาลทำเงิน ปี 2025 จ่อทะลุ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ โอกาสค้าปลีก

21 ต.ค. 2568 | 10:00 น.

เทศกาลฮาโลวีน คาดทำเงินทะลุ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ สะท้อนพลังจับจ่ายผู้บริโภคและโอกาสใหม่ของค้าปลีกทั่วโลก

KEY

POINTS

  • คาดการณ์ว่าในปี 2025 การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลฮาโลวีนในสหรัฐฯ จะพุ่งสูงถึง 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างโอกาสสำคัญให้ธุรกิจค้าปลีก
  • การใช้จ่ายไม่ได้จำกัดอยู่แค่ขนม แต่ครอบคลุมสินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องแต่งกาย ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูงทั่วโลก
  • พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเริ่มซื้อสินค้าเร็วขึ้นและผู้ใหญ่เข้าร่วมฉลองมากขึ้น ถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ค้าปลีกในไทยที่กระแสการฉลองกำลังได้รับความนิยม

ในขณะที่หลายคนอาจคิดว่าเทศกาลฮาโลวีนเป็นแค่ช่วงเวลาสนุกสนาน “แต่งผี-กินขนม” สำหรับเด็กและวัยรุ่น แต่ข้อมูลล่าสุดกลับชี้ให้เห็นว่าเทศกาลนี้ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีความสำคัญไม่แพ้เทศกาลอื่นๆ ตลอดทั้งปี สำหรับปี 2025 ตลาดฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกาถูกคาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และถ้ามองไปยังตลาดอื่น ๆ เช่น เอเชียหรือไทย ก็มีโอกาสดีที่ผู้ค้าปลีก ร้านค้าออนไลน์ และนักการตลาดจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม

เริ่มที่ตัวเลขที่น่าสนใจ ปี 2024 National Retail Federation (NRF) คาดว่าผู้บริโภคในสหรัฐฯ จะใช้จ่ายประมาณ 11.6 พันล้านดอลลาร์สำหรับฮาโลวีน ถึงแม้ว่าจะลดลงจากระดับสูงสุดที่ราว 12.2 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2023 แต่ก็ยังถือว่าสูงกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างชัดเจน สำหรับปี 2025 คาดว่าการใช้จ่ายจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกประมาณ 13.1 พันล้านดอลลาร์ โดย NRF ได้ระบุว่าแม้ราคาสินค้าอาจจะได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจและภาษีนำเข้า แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงตั้งใจที่จะร่วมสนุกกับเทศกาลนี้

ตราบใดที่ผู้คนยังต้องการประสบการณ์และการแสดงออกถึงตัวตนผ่านการแต่งตัว ตกแต่งบ้าน หรือจัดงาน การใช้จ่ายเหล่านี้จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ “ขนม” เท่านั้น แต่ยังเปิดกว้างไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตั้งแต่เครื่องแต่งกาย ตกแต่งบ้าน ประสบการณ์งานปาร์ตี้ ไปจนถึงการตลาดออนไลน์ด้วย

โอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ

สินค้าตกแต่ง: ตลาดของตกแต่งสำหรับฮาโลวีนทั่วโลกในปี 2023 ถูกประเมินว่าจะมีมูลค่าราว 3.5 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 6.1 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2032 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 6.5%

เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์: รายงานแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายสำหรับฮาโลวีนทั่วโลกเติบโตอยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2030 ซึ่งสร้างโอกาสที่ดีให้กับตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่จะเติบโตมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ

พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป: คาดว่าในปี 2025 จะมีผู้ใหญ่ชาวอเมริกันเกือบ 75% ยังคงวางแผนที่จะฉลองฮาโลวีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีปัญหาเงินเฟ้อ ผู้บริโภคก็ยังให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้ และผู้ค้าปลีกมีโอกาสที่จะเชื่อมโยงกับความต้องการในรูปแบบ “คุ้มค่า + ส่วนบุคคล” ได้มากขึ้น

การซื้อขายที่เริ่มต้นขึ้นเร็วขึ้นและช่องทางออนไลน์ที่เข้มแข็ง: ราวครึ่งหนึ่งของผู้ซื้อเริ่มการช้อปปิ้งสำหรับฮาโลวีนก่อนเดือนตุลาคม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฤดูกาลนี้ไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ช่วงใกล้วันเฉลิมฉลองอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสมากมาย แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนและสภาพเศรษฐกิจที่ซ่อนอยู่

• ต้นทุนการผลิตและนำเข้าสินค้า เช่น ช็อกโกแลตและวัตถุดิบสำหรับขนมหวาน มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายเพิ่มขึ้น

• ภาษีและอุปสรรคด้านการนำเข้า: สินค้าสำหรับฮาโลวีนมักผลิตในจีนหรือประเทศในเอเชีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีและอัตราแลกเปลี่ยน ที่อาจสะท้อนถึงราคาขายที่สูงขึ้นให้กับผู้บริโภค

• ผู้บริโภคมีความรอบคอบมากขึ้นและเลือกที่จะลดรายจ่ายในบางด้าน: เช่น ราว 59% ของผู้ที่ร่วมเฉลิมฉลองในปี 2024 ระบุว่าอาจจะลดค่าใช้จ่ายเนื่องจากผลกระทบจากเงินเฟ้อ

แม้ว่าเกือบทั้งหมดของข้อมูลที่ใช้จะมาจากสหรัฐฯ แต่ภาพรวมบอกว่า “เทศกาลที่เคยเป็นของเด็กๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นธุรกิจเต็มรูปแบบ” สำหรับผู้ค้าปลีกในไทย ซึ่งกำลังมีแนวโน้มในการเฉลิมฉลองแบบตะวันตกเพิ่มขึ้น เช่น ฮาโลวีน คาเฟ่สตอรี่ และงานปาร์ตี้ในชุดแฟนซี ซึ่งสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยอย่างชัดเจน หากเตรียมตัวให้พร้อมในด้านต่างๆ ดังนี้:

  • สินค้าที่มีเอกลักษณ์และเรื่องราว ไม่ใช่แค่หน้ากากธรรมดา แต่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ
  • ช่องทางออนไลน์ต้องมีความพร้อมก่อน และโปรโมชั่นก็ควรเริ่มต้นเร็วขึ้น
  • ควบคุมต้นทุนให้ได้ (การนำเข้า/โลจิสติกส์) เนื่องจากราคาสินค้าในตลาดโลกมีความผันผวน
  • การสื่อสารกับผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่า + การแชร์ที่สนุก” มากกว่าแค่กิจกรรมธรรมดา

สำหรับนักการตลาดและผู้ค้าปลีกในไทย หากสามารถจับจังหวะได้ดี อาจทำให้เทศกาลฮาโลวีนในปี 2025 ไม่ใช่เพียงแค่คืนหนึ่งสำหรับขนมหวานและเสียงกรี๊ด แต่เป็นช่วงเวลาที่สร้างรายได้และส่งเสริมภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ