KEY
POINTS
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (9 ก.ย.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานในช่วงเวลา 12 เดือน
ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะซบเซาของตลาดแรงงานและเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรฉบับปรับปรุงใหม่สำหรับช่วงเวลา 12 เดือนที่นับจนถึงเดือนมี.ค. 2568 โดยระบุว่าตัวเลขจ้างงานในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น น้อยกว่าที่มีการประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ถึง 911,000 ตำแหน่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าการเติบโตของตัวเลขจ้างงานได้ชะลอตัวลงก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเริ่มประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศทั่วโลก
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนมีความมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. และให้น้ำหนัก 10% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารพุ่งขึ้น 1.64% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น 0.71% ส่วนหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 1.57% และ 0.65%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด และเพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทางการสหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.ในวันนี้ และจากนั้นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ในวันพฤหัสบดี