ดาวโจนส์ปิดบวก 196.39 จุด ทำนิวไฮ รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย

10 ก.ย. 2568 | 00:45 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ย. 2568 | 00:45 น.

ดาวโจนส์ปิดบวก 196.39 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยหวังกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

KEY

POINTS

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) โดยปรับตัวขึ้น 196.39 จุด
  • ปัจจัยหนุนมาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ปรับลดตัวเลขการจ้างงาน ซึ่งสะท้อนว่าตลาดแรงงานชะลอตัวลง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (9 ก.ย.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานในช่วงเวลา 12 เดือน 

ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะซบเซาของตลาดแรงงานและเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 45,711.34 จุด เพิ่มขึ้น 196.39 จุด หรือ +0.43%, 
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,512.61 จุด เพิ่มขึ้น 17.46 จุด หรือ +0.27% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,879.49 จุด เพิ่มขึ้น 80.79 จุด หรือ +0.37%

ดาวโจนส์ปิดบวก 196.39 จุด ทำนิวไฮ รับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรฉบับปรับปรุงใหม่สำหรับช่วงเวลา 12 เดือนที่นับจนถึงเดือนมี.ค. 2568 โดยระบุว่าตัวเลขจ้างงานในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น น้อยกว่าที่มีการประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ถึง 911,000 ตำแหน่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าการเติบโตของตัวเลขจ้างงานได้ชะลอตัวลงก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเริ่มประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศทั่วโลก

เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนมีความมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. และให้น้ำหนัก 10% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารพุ่งขึ้น 1.64% ตามด้วยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น 0.71% ส่วนหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 1.57% และ 0.65% 

นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด และเพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทางการสหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.ในวันนี้ และจากนั้นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ในวันพฤหัสบดี