ระหว่างการประชุมทวิภาคีกับนายหวัง หูหนิง ประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติของจีน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2568 นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ได้หยิบยกประเด็นร้อนเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชามาหารือ โดยได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าปัญหาที่คารังคาซังนี้ไม่ควรถูกแก้ไขด้วยการใช้กำลังทหาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก พร้อมขอให้จีนซึ่งมีบทบาทสำคัญในภูมิภาค ช่วยกระตุ้นเตือนฝ่ายไทยให้หันกลับมาใช้กลไกความร่วมมือชายแดนที่มีอยู่แล้วอย่างคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) ในการหาทางออกอย่างสันติบนพื้นฐานของข้อตกลงทวิภาคี สนธิสัญญาที่เกี่ยวข้อง และหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
ประเด็นดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาหลังจากฮุน มาเนต เดินทางไปเยือนนครเทียนจิน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SOC) ประจำปี 2568 โดยการหารือกับนายหวังเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังจากการพบปะระดับผู้นำระหว่างฮุน มาเนต และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งผู้นำจีนได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชา รวมถึงการทำงานของกลไกตรวจสอบการหยุดยิงที่นำโดยอาเซียน พร้อมเปิดทางความเป็นไปได้ในการจัดตั้งทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ความปกติ
ท่าทีจากจีนครั้งนี้แสดงถึงการสนับสนุนให้คู่ขัดแย้งหาทางออกผ่านกระบวนการทางการทูต พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้มาเลเซียเข้ามามีบทบาทเป็นผู้ไกล่เกลี่ยอย่างเป็นทางการ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของฮุน มาเนต ที่ย้ำว่าการแก้ไขปัญหาชายแดนควรดำเนินการบนเส้นทางสันติและหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่
การหารือดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความสนใจจากนานาชาติที่จับตาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งยังไม่คลี่คลาย ขณะที่ทั้งสองประเทศถูกคาดหวังว่าจะใช้กลไกความร่วมมืออย่างคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) เป็นช่องทางหลักในการเจรจาและหาทางออกตามข้อตกลงทวิภาคีและกฎหมายระหว่างประเทศ