ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (22 ส.ค.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อหุ้นหลัง เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (FED) ส่งสัญญาณระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่แจ็กสันโฮลว่า อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนหน้า
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของพาวเวลบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. แม้ว่าพาวเวลเน้นย้ำถึงความสำคัญของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อที่ยังต้องรอการเปิดเผยก่อนถึงเวลานั้น
นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หลังจากการกล่าวสุนทรพจน์ของพาวเวล
โดยคาดว่า มีโอกาสสูงถึงเกือบ 90% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย เมื่อเทียบกับประมาณ 75% ก่อนหน้านี้
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 และดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 0.6% เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่และหันไปลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่า
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากระดับต่ำสุดในเดือนเม.ย. ซึ่งถูกกระทบจากการประกาศมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเมื่อไม่นานมานี้ ดัชนีต่าง ๆ ดีดกลับมาใกล้ระดับสูงสุดอีกครั้ง
ปัจจัยบวกสำคัญคือผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ความคาดหวังเชิงบวกต่อข้อตกลงการค้า และโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ย แม้ยังมีความกังวลอยู่บ้างก็ตาม
UBS Global Wealth Management ได้ปรับเป้าหมายสิ้นปีของดัชนี S&P500 ขึ้นเป็นครั้งที่สองในรอบสองเดือน โดยอ้างอิงถึงความแข็งแกร่งของผลประกอบการบริษัท การผ่อนคลายความตึงเครียดด้านการค้า และความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นได้แก่ หุ้น Intel พุ่งขึ้น 5.5% หลังทำเนียบขาวคาดว่า จะประกาศการเข้าซื้อหุ้น 10% ในบริษัท ขณะที่หุ้น Coinbase พุ่งขึ้น 6.5% จากแรงซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีหลังการกล่าวสุนทรพจน์ของพาวเวล