สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้พบปะหารือกับ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน โดยสาระสำคัญของการหารือครั้งนี้คือบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของจีนในการส่งเสริมสันติภาพ และเสริมสร้างอนาคตของความสัมพันธ์ไทย-จีน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
หวังอี้ย้ำว่าจีนยินดีเป็น “เพื่อนบ้านผู้สร้างสรรค์” โดยพร้อมจะดำเนินบทบาทเชิงบวกในการผลักดันให้ไทยและกัมพูชาใช้ช่องทางการเจรจาอย่างสันติและด้วยไมตรีจิต เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ พร้อมประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า จีนจะยังคงรักษาความเป็นกลางและความยุติธรรมในการมีส่วนร่วมส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านของจีน
การหารือครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในวาระพิเศษที่ไทยและจีนร่วมเฉลิมฉลอง “ปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน” ครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งหวังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้าง “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน” ระหว่างสองประเทศ โดยระบุว่าความร่วมมือระหว่างจีนและไทยยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคง และจะยกระดับสู่มิติใหม่ที่ “มีสาระสำคัญยิ่งขึ้น”
ในด้านเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์การพัฒนา หวังอี้เสนอให้จีนและไทยเร่งบูรณาการวิสัยทัศน์และผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมชู 4 ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ ได้แก่ เศรษฐกิจดิจิทัล, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน และการพัฒนาสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจีนเชื่อมั่นว่าจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาความทันสมัยของทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ จีนยังเรียกร้องให้เร่งเดินหน้าโครงการทางรถไฟจีน-ไทย เพื่อสร้างเครือข่ายการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์ระหว่างจีน ลาว และไทย ต่อยอดประโยชน์จากโครงการระดับภูมิภาคให้เกิดผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
ในเวทีการค้าระดับโลก หวังอี้ได้แสดงความกังวลต่อบทบาทของสหรัฐฯ ที่ถูกมองว่า “บ่อนทำลายระบบการค้าเสรี” ด้วยมาตรการขึ้นภาษีฝ่ายเดียว ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าไทยและประเทศในอาเซียนจะสามารถรักษาผลประโยชน์อันชอบธรรม และร่วมกันต่อต้านการใช้อำนาจฝ่ายเดียว รวมถึงพฤติกรรมกลั่นแกล้งในเวทีเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
จีนยังแสดงความตั้งใจแน่วแน่ที่จะลงนามในพิธีสารเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เวอร์ชัน 3.0 ภายในปี 2568 ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการขยายตลาดร่วมกัน พร้อมประกาศสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีและกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO) ผ่านการกระทำอย่างเป็นรูปธรรม
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย มาริษ เสงี่ยมพงษ์ แสดงความชื่นชมบทบาทของจีนในฐานะมิตรที่ไว้ใจได้ พร้อมกล่าวย้ำว่าตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ไทยและจีนได้รักษาความไว้วางใจและเคารพผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะจิตวิญญาณ “ไทยจีนใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ที่ยังคงมั่นคงและปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกัน
ไทยยังคงยึดมั่นในนโยบายจีนเดียว และพร้อมจะขยายความร่วมมือกับจีนในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน การค้า การเกษตร และการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีอย่างแข็งขัน และเรียกร้องให้ระเบียบการค้าระหว่างประเทศกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
ในประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา มาริษกล่าวอย่างชัดเจนว่าการแก้ไขข้อพิพาทไม่ควรใช้กำลัง แต่ควรยึดหลักการเจรจาอย่างสันติ พร้อมขอบคุณจีนที่รักษาจุดยืนที่เป็นกลางและสมดุล โดยย้ำว่าไทยจะเดินหน้าหาทางออกร่วมกับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีในฐานะเพื่อนบ้านที่ดี