ล่าสุดรัฐบาลมัลดีฟส์ ระบุผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 ห้ามผู้ถือหนังสือเดินทางอิสราเอลเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที เพื่อยืนยันจุดยืนต่อต้านความโหดร้ายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์โดยอิสราเอลที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังรัฐบาลมัลดีฟส์ตัดสินใจแก้ไขกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองตั้งแต่เมื่อปี 2567 ทำให้ทางการอิสราเอลประกาศเตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปมัลดีฟส์ ซึ่งปีที่แล้วมียอดเดินทางอยู่ที่ 11,000 คน
สำนักงานประธานาธิบดีมัลดีฟส์ระบุว่าในแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจห้ามผู้ถือพาสปอร์ตอิสราเอลเข้าประเทศมีขึ้นหลังการลงนามรับรองการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายคนเข้าเมืองครั้งที่ 3 ซึ่งผ่านการเห็นชอบของสภาเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา
ด้านประธานาธิบดีมัลดีฟส์ โมฮาเหม็ด มูอิซซู โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก กล่าวถึงการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ว่า เป็นการสะท้อนจุดยืนของมัลดีฟส์ที่ชัดเจนต่อความโหดร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในดินแดนปาเลสไตน์ พร้อมย้ำว่า มัลดีฟส์จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชาวปาเลสไตน์ไม่เปลี่ยนแปลง
สำนักงานประธานาธิบดีมัลดีฟส์ระบุด้วยว่า การรับร้องการแก้ไขกฎหมายแสดงถึงจุดยืนที่หนักแน่นของรัฐบาลต่อความโหดร้ายและพฤติกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ดำเนินอยู่โดยอิสราเอล ต่อชาวปาเลสไตน์ โดยมัลดีฟส์จะสนับสนุนให้ผู้ที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเอง และแสดงออกในเวทีระหว่างประเทศในการประณามการกระทำของอิสราเอลต่อไป
รัฐบาลมัลดีฟส์ยังย้ำถึงการสนับสนุนการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่เป็นเอกราชและมีอธิปไตยตามพรมแดนก่อนปี 1967 โดยมีเยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวง ตามมติสหประชาชาติและบรรทัดฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ มัลดีฟส์อนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางอิสราเอลเข้าประเทศได้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2533 และเคยพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลในปี 2553 ก่อนที่จะล้มเลิกไป