ทรัมป์ ลดงบกระทรวงการต่างประเทศ จ่อปิดสถานทูตสหรัฐ ในต่างประเทศเกือบ 30 แห่ง

รัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ต้องการลดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศลงประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐ ในต่างประเทศเกือบ 30 แห่งต้องปิดตัวลง และต้องตัดความช่วยเหลือต่างประเทศ

ในเอกสารที่เรียกว่า "พาสส์แบค" "Passback" ซึ่งเป็นการเสนอต่อสำนักงานงบประมาณทำเนียบขาว หรือสำนักงานบริหารจัดการและงบประมาณ ต่อคำขอเงินทุนของกระทรวงการต่างประเทศสำหรับปีงบประมาณหน้า ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคมนั้น ได้ระบุว่า

"รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ต้องการลดงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศลงประมาณครึ่งหนึ่ง หรือเกือบ 30,000 ล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณ 2026 การลดงบประมาณดังกล่าวอาจทำให้หน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐฯ เกือบ 30 แห่งต้องปิดตัวลง และต้องตัดความช่วยเหลือต่างประเทศด้วย"

เอกสารภายในดังกล่าวรายงานครั้งแรกโดยหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ตามแผนซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ฝ่ายบริหารกำลังพิจารณาคำแนะนำในการปิดสถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯในต่างประเทศ อย่างน้อย 27 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกาและยุโรป โดยแบ่งเป็นสถานทูต 10 แห่ง ส่วนที่เหลือเป็นสถานกงสุล

โดยในจำนวนสถานกงสุล 17 แห่งที่ได้รับการแนะนำให้ปิดทำการ มีมากกว่า 12 แห่งตั้งอยู่ในยุโรป ส่วนที่เหลืออีก 4 แห่งคือสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ เมืองเมดาน ประเทศอินโดนีเซีย และดูอาลา ประเทศแคเมอรูน

ขณะที่ยังมีแนวทางในการรวมสถานกงสุลขนาดใหญ่ เช่น สถานกงสุลในญี่ปุ่นและแคนาดา โดยปรับขนาดสถานกงสุลหลายแห่งในประเทศเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การพิจารณาดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ และกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล ภายใต้การดูแลของนายอีลอน มัสก์ กำลังดำเนินการลดขนาดรัฐบาลกลางครั้งใหญ่ โดยลดการใช้จ่ายหลายพันล้านดอลลาร์และเลิกจ้างเจ้าหน้าที่หลายพันคน