บิดาผู้ก่อตั้งนามิเบีย "แซม นูโจมา" ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 95 ปี

09 ก.พ. 2568 | 08:48 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.พ. 2568 | 08:48 น.

แซม นูโจมา อดีตนักกิจกรรม ผู้นำกองโจร และประธานาธิบดีคนแรกของนามิเบีย ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 ก.พ.) ด้วยวัย 95 ปี

ทำเนียบประธานาธิบดีนามิเบียออกแถลงการณ์วันนี้ (9 ก.พ.) ว่า แซม นูโจมา อดีตนักกิจกรรม ผู้นำกองโจร และประธานาธิบดีคนแรกของนามิเบียหลังได้รับเอกราชจากแอฟริกาใต้ภายใต้การปกครองแบบแบ่งแยกสีผิว (Apartheid) ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 ก.พ.) ด้วยวัย 95 ปี

บิดาผู้ก่อตั้งนามิเบีย "แซม นูโจมา" ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 95 ปี

นูโจมาขึ้นเป็นผู้นำประเทศเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2533 และได้รับการยกย่องเป็น "บิดาผู้ก่อตั้งชาตินามิเบีย" ในปี 2548

อย่างไรก็ตาม นูโจมาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในและต่างประเทศ ในเรื่องการไม่ยอมรับการวิจารณ์จากสื่อ การต่อต้านการรักร่วมเพศ ตลอดจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในปี 2541 เพื่อให้ตนเองดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สามได้

นูโจมาเป็นพันธมิตรกับโรเบิร์ต มูกาเบ อดีตผู้นำซิมบับเว และสนับสนุนนโยบายยึดที่ดินจากเกษตรกรผิวขาวของมูกาเบ แม้ว่าในนามิเบีย นูโจมาจะใช้นโยบาย "ผู้ซื้อเต็มใจ ผู้ขายเต็มใจ" ก็ตาม 

"รากฐานของสาธารณรัฐนามิเบียสั่นคลอน ดร.นูโจมา ผู้นำที่เคารพรักของเรา ไม่เพียงแต่เป็นผู้บุกเบิกเส้นทางสู่เสรีภาพ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เรายืนหยัดและเป็นเจ้าของผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของบรรพบุรุษ" ทำเนียบประธานาธิบดีโพสต์บนเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์)

ทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่า นูโจมาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา และกล่าวเสริมว่า น่าเศร้าที่บุตรชายผู้กล้าหาญที่สุดแห่งแผ่นดินของเราไม่อาจเอาชนะความเจ็บป่วยในครั้งนี้ได้

นูโจมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีติดต่อกัน 3 สมัย ตั้งแต่ปี 2533 ถึง 2548 โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และประสานรอยร้าวทางการเมือง พรรค SWAPO ของนูโจมาได้ริเริ่มโครงการปรองดองแห่งชาติภายใต้คำขวัญ "หนึ่งนามิเบีย หนึ่งชาติ" 

ในการกล่าวสุนทรพจน์ นูโจมาย้ำเสมอว่า "ประชาชนที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มุ่งมั่นที่จะบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันสำหรับทุกคนในสังคม จะประสบความสำเร็จเสมอ" 

นดุมบา กัมวันยาห์ อาจารย์มหาวิทยาลัยนามิเบียและนักวิเคราะห์การเมือง กล่าวว่า ความสำเร็จของนูโจมารวมถึงการวางรากฐานสถาบันประชาธิปไตยและการให้ความสำคัญกับการสร้างความปรองดองในชาติ 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการใช้อำนาจแบบเผด็จการที่ปรากฏในการจัดการกับสื่อและการปราบปรามการก่อกบฏคาพรีวิ (Caprivi) ในปี 2542 อย่างรุนแรงนั้น กลับเป็นสิ่งที่บดบังผลงานและความดีงามที่เขาได้สร้างไว้

"ถึงแม้การเป็นประธานาธิบดีของนูโจมาจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเอกราชและระบบการปกครองของนามิเบีย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีข้อบกพร่องเลย" กัมวันยาห์กล่าว

นูโจมาเกิดในหมู่บ้านทางตะวันตกเฉียงเหนือของนามิเบียในปี 2472 ในช่วงที่นามิเบียอยู่ภายใต้การปกครองของแอฟริกาใต้ ซึ่งเข้าควบคุมดินแดนแห่งนี้ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สืบต่อจากยุคอาณานิคมเยอรมนีอันโหดร้าย ซึ่งเป็นที่จดจำจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเฮเรโรและชาวนามา 

ข้อมูลชีวประวัติที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของมูลนิธิการกุศลของนูโจมาระบุว่า ในช่วงวัยเด็ก นูโจมาช่วยครอบครัวเลี้ยงวัว และเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาของคณะมิชชั่นฟินแลนด์

ต่อมาเขาได้ย้ายไปยังเมืองชายฝั่งวอลวิสเบย์ แล้วจึงไปที่กรุงวินด์ฮุก ที่ซึ่งเขาทำงานให้กับการรถไฟแห่งแอฟริกาใต้ 

ในเวลาต่อมา นูโจมาตัดสินใจลาออกจากงานที่การรถไฟ เพื่อทุ่มเทกำลังทั้งหมดให้กับการต่อสู้เพื่อล้มล้างระบบแบ่งแยกสีผิว 

ช่วงต้นทศวรรษ 2500 นูโจมาได้เป็นผู้นำองค์การประชาชนโอวัมโบ ซึ่งเป็นองค์กรที่นำไปสู่การก่อตั้งขบวนการปลดปล่อย SWAPO โดยเขาเป็นผู้จัดการประท้วงต่อต้านการบังคับโยกย้ายถิ่นฐานคนผิวดำในกรุงวินด์ฮุก จนนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงที่ตำรวจสังหารผู้ประท้วงที่ปราศจากอาวุธ 12 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบราย

นูโจมาถูกตั้งข้อหาว่า เป็นผู้จัดการประท้วงและถูกจับกุม ต่อมาในปี 2503 เขาตัดสินใจลี้ภัย โดยเดินทางรอนแรมไปทั่วทวีปแอฟริกาก่อนจะไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่นั่น เขาได้ยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติเพื่อเรียกร้องเอกราชให้กับนามิเบีย

แม้จะถูกแต่งตั้งเป็นผู้นำ SWAPO ทั้งที่ยังลี้ภัยอยู่ นูโจมาได้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธของพรรค และเปิดฉากสงครามกองโจรต่อต้านรัฐบาลแบ่งแยกสีผิวในปี 2509

หลังจากแรงกดดันจากนูโจมาและอีกหลายฝ่ายเป็นเวลานานกว่าทศวรรษ ในที่สุด คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้มีมติในปี 2521 เสนอให้มีการหยุดยิงและการเลือกตั้ง

แต่กว่าข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการลงนามและจัดการเลือกตั้งได้สำเร็จก็ล่วงเลยไปจนถึงช่วงปลายปี 2532 ซึ่งพรรค SWAPO ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ และนูโจมาได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมี.ค.ของปีถัดไป