เส้นทางสู่ทำเนียบขาว กว่าจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

02 พ.ย. 2567 | 03:45 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ย. 2567 | 05:09 น.

สหรัฐฯ กำลังจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ2024 ในวันที่ 5 พฤศจิกายน นี่คือทุกสิ่งที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับกระบวนการในเส้นทางสู่การเป็นผู้นำสหรัฐ

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะลงแข่งขันกับรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส นี่คือคำตอบสำหรับคำถามทั้งหมดเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ใครสามารถลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้บ้าง

รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ กำหนดเงื่อนไขพื้นฐาน 3 ประการสำหรับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี บุคคลจะต้องเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยกำเนิด มีอายุอย่างน้อย 35 ปี และอาศัยอยู่ในประเทศเป็นเวลา 14 ปี 

 

เลือกตั้งขั้นต้นและการประชุมพรรคมีอะไรเกิดขึ้น

การเลือกตั้งขั้นต้นและการประชุมคอคัส เป็นจุดเริ่มต้นของขั้นตอนการเลือกตั้ง โดยเป็น 2 วิธี ที่ใช้เลือกผู้ที่อาจเป็นตัวเเทนสมัครชิงตำเเหน่งประธานาธิบดี ซึ่งมีกระบวรการจัดการเเละบุคคลที่มีสิทธิร่วมลงคะแนนแตกต่างกัน นอกจากนี้อัตราการมีส่วนร่วมในการลงคะเเนนเสียงทั้งสองเเบบนี้ก็มีความต่างกันมาก 

การเลือกตั้งขั้นต้น 

จัดโดยรัฐบาลระดับรัฐเเละระดับท้องถิ่น การลงคะแนนเสียงเป็นเเบบไม่เปิดเผยรายชื่อ บางรัฐจัดการลงคะเเนนเสียงเลือกตั้งขั้นต้นเเบบปิด โดยให้ผู้ที่ประกาศตนว่าเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้นที่จะร่วมลงคะแนนเสียงได้ เเต่สำหรับการลงคะเเนนเสียงเลือกตั้งขั้นต้นเเบบเแิดผู้มีสิทธิออกเสียงทุกคนสามารถร่วมลงคะแนนได้ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหรือไม่เป็นสมาชิกของพรรคก็ตาม 

การประชุมแบบคอคัส 

จะซับซ้อนกว่า จะมีการกำหนดวันที่สมาชิกพรรคการเมืองจะประชุมร่วมกันเพื่อตัดสินใจร่วมกันผ่านการลงคะแนนเสียงว่าต้องการให้ผู้สมัครคนใดเป็นตัวแทน  การเลือกตั้งขั้นต้นและการประชุมกลุ่มย่อยดูแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรัฐ และพรรคการเมือง แต่มีเป้าหมายเหมือนกัน คือการกำหนดการให้การสนับสนุนผู้สมัครแต่ละคนและเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อสำหรับการเลือกตั้งทั่วไป

การประชุมใหญ่พรรคการเมือง

หลังจากการเลือกตั้งขั้นต้นและการประชุมกลุ่มระดับรัฐทั้งหมด พรรคการเมืองต่างๆ จะจัดการประชุมใหญ่เพื่อเลือกผู้สมัครเป็นตัวแทนในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ร่วมกับผู้สมัครคนอื่นๆ

ในการประชุมใหญ่ ผู้แทนจากทั้ง 50 รัฐของสหรัฐ จะมารวมตัวกันเพื่อลงคะแนนเสียงเลือกผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานาธิบดี ผู้สมัครจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากผู้แทนส่วนใหญ่จึงจะชนะการเสนอชื่อ

ผู้แทนมีหลายประเภท พรรคเดโมแครตเรียกว่า "ผู้แทนที่รับปาก" และ "ผู้แทนที่ไม่รับคำมั่น" ส่วนพรรครีพับลิกันเรียกว่า "ผู้แทนที่ผูกพัน" และ "ผู้แทนที่ไม่ผูกพัน" ผู้แทนที่รับคำมั่น/ผูกพันจะต้องลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งขั้นต้นในรัฐของตนอย่างน้อยก็ในรอบแรกของการลงคะแนนเสียง

ผู้สมัครที่ไม่รับคำมั่น/ไม่ผูกพันมีอิสระที่จะลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครที่ตนเองเลือกเอง ในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ผู้แทนที่ไม่รับคำมั่นจะได้รับอนุญาตให้ลงคะแนนเสียงได้ตั้งแต่รอบที่สองเท่านั้น

เดือนกรกฎาคม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวจากการลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2024โดยให้การรับรอง กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีของเขา ผู้แทนพรรคเดโมแครตทุกคนที่ให้คำมั่นกับไบเดนก่อนหน้านี้ว่าสามารถลงคะแนนเสียงให้กับผู้ใดก็ได้ที่พวกเขาเลือกในการประชุมใหญ่แห่งชาติของพรรคเดโมแครต

เนื่องจากผู้สมัครที่พวกเขาให้คำมั่นผ่านกระบวนการไพรมารีไม่ลงสมัครอีกต่อไปแล้ว เสียงส่วนใหญ่ลงคะแนนเสียงให้กับแฮร์ริส ดังนั้นจึงกลายเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

เส้นทางสู่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับการเลือกตั้งอย่างไร

การเลือกตั้งทั่วไป

หลังจากการประชุมใหญ่ ฤดูกาลเลือกตั้งก็เข้มข้นขึ้น การเลือกตั้งทั่วไปจัดขึ้นในทั้งระดับท้องถิ่น ระดับรัฐ เเละระดับประเทศ มีการลงคะแนนเสียงทั่วประเทศในหลายพันเมืองและเมืองเล็ก ๆ พลเมืองสหรัฐฯ ทุกคนที่ลงทะเบียนเพื่อลงคะแนนเสียงสามารถเข้าร่วมได้

คณะผู้เลือกตั้งคืออะไร

คณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นระบบที่สร้างสมดุลระหว่างคะแนนเสียงที่มาจากประชาชนเเละการออกเสียงโดยสภาคองเกรส จำนวนของคณะผู้เลือกตั้งในเเต่ละรัฐจะเท่ากับจำนวนสมาชิกสภาคองเกรส (ทั้งสภาผู้เเทนราษฎรเเละวุฒิสภา) ของรัฐนั้นๆ ปัจจุบันมีจำนวน 538 คน ในจำนวนมี 3 คน ที่มาจากกรุงวิชิงตัน ดี.ซี.โดยในเเต่ละรัฐพรรคการเมืองจำกำหนดรายชื่อบุคคลที่อาจจะมาเป็นผู้เลือกตั้งพรรคของตนเอง 

ผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีแต่ละคนจะลงคะแนนเสียง 1 เสียงหลังการเลือกตั้งทั่วไป และผู้สมัครที่ได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง (270 เสียง) จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

การรณรงค์หาเสียงในทุกรัฐเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้สมัคร เเม้ในรัฐที่มีจำนวนประชากรเเละจำนวนคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งน้อย เพื่อให้ได้คะแนนเสียงของคณะผู้เลืออกตั้งรวมทั้งหมด 270 เสียง 

เเม้ว่าผู้สมัครคนหนึ่งจะได้คะเเนเสียงของประชาชนทั่วประเทศมากที่สุดเเต่ก็อาจจะเเพ้การเลือกตั้งได้ เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งปี 2559 การเมืองตั้งปี 2543 เเละอีก 3 ครั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 19 

การสาบานตนเข้ารับตำเเหน่ง 

พิธีสาบานตนจะตัดขึ้นทุกๆ 4 ปี ในวันที่ 20 มกราคม (แต่หากตรงกับวันอาทิตย์ก็จะเลื่อนเป็น 21 มกราคมเเทน) ที่อาคารรัฐสภาสหรัฐ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. 

ว่าที่รองประธานาธิบดีจะสาบานตนก่อน ต่อมาในช่วงเที่ยงว่าที่ประธานาธิบดีจะกล่าวคำสาบานตนที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ 

ที่มา 

  • สถานเอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย