ขณะที่ผู้นำชาติสมาชิก องค์การสนธิสัญญาแอตเเลนติกเหนือ หรือ นาโต (North Atlantic Treaty Organisation: NATO) กำลังประชุมสุดยอดโดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ที่กรุงวอชิงตันในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนและรัสเซีย ได้เริ่มปฏิบัติการซ้อมรบร่วม “Joint Sea-2024” บริเวณน่านน้ำและน่านฟ้าใกล้กับเมืองจานเจียง ในมณฑลกวางตุ้งทางใต้ของประเทศจีน โดยกระทรวงกลาโหมจีนเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (12 ก.ค.) เปิดเผยว่า กองทัพมอสโกและปักกิ่งได้เริ่มการซ้อมรบดังกล่าวตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมและจะดำเนินต่อไปจนถึงกลางเดือน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของจีนและรัสเซียในครั้งนี้ ทำให้ญี่ปุ่น ซึ่งร่วมประชุมนาโตด้วยเช่นกันในฐานะประเทศหุ้นส่วน ได้ออกคำเตือนถึง “ภัยคุกคาม” ที่เพิ่มขึ้นเมื่อรัฐบาลปักกิ่งและมอสโกกระชับความสัมพันธ์กัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมจีนกล่าวว่า การซ้อมรบร่วมครั้งนี้มีขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของจีนและรัสเซีย ในการร่วมกันทำงานเรื่องภัยคุกคามความมั่นคงทางทะเล และรักษาความมั่นคงและสันติภาพของภูมิภาค
“ปฏิบัติการนี้จะสร้างความลึกซึ้งยิ่งขึ้นให้กับความร่วมมือของการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมของจีนและรัสเซียในยุคสมัยใหม่" ฝ่ายจีนระบุ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนเเละรัสเซียกระชับมิตรภาพกันมากขึ้น และประกาศว่ามิตรภาพของทั้งสองประเทศ "ไร้ขีดจำกัด" นอกจากนี้ ทั้งจีนและรัสเซีย ยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรนักกับนาโต
ด้านผู้นำประเทศสมาชิกกลุ่มนาโตที่มาประชุมกันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกาในช่วงสัปดาห์เดียวกันนี้ (9-11 ก.ค.) ในโอกาสครบรอบ 75 ปีการจัดตั้งองค์การนาโตและเพื่อแสดงการสนับสนุนยูเครนท่ามกลางการรุกรานของรัสเซีย ได้มีการออกเเถลงการณ์เมื่อวันพุธ (10 ก.ค.) โดยส่วนหนึ่งของเนื้อหาเรียกจีนว่าเป็น "ผู้ส่งเสริมที่เด็ดเดี่ยว" ให้กับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ผ่านการค้าที่ส่วนหนึ่งได้เอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมกลาโหมของรัสเซีย
ฝ่ายรัฐบาลปักกิ่งตอบโต้คำกล่าวหานี้ ด้วยการเตือนว่า นาโตกำลังยุยงให้เกิดการเผชิญหน้า นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า จีนไม่ใช่คู่ขัดเเย้งในความตึงเครียดที่เกิดจากสงครามในยูเครน
ทั้งนี้ นอกจากปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกับรัสเซียแล้ว จีนยังซ้อมรบร่วมกับเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรของรัสเซียอีกด้วย
แน่นอนว่า ท่าทีของจีนสร้างความกังวลใจให้กับพันธมิตรชาติตะวันตก รวมทั้งญี่ปุ่น ในแง่ความมั่นคง รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงเมื่อวันศุกร์ (12 ก.ค.) ว่า การซ้อมรบร่วมกันของรัสเซียเเละจีนใกล้กับพรมเเดนญี่ปุ่น ได้สร้างความกังวลอย่างยิ่งจากมุมมองด้านความมั่นคงแห่งชาติ
นอกจากญี่ปุ่นที่มาร่วมประชุมกับนาโตในฐานะประเทศหุ้นส่วน การประชุมสุดยอดของนาโตครั้งนี้ ยังมีผู้นำของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ เข้าร่วมด้วย เพื่อหารือการพัฒนาแผนและยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในภูมิภาคแปซิฟิก ที่รวมถึงการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและวัตถุดิบจากจีนไปยังรัสเซียเพื่อทดแทนความสูญเสียจากการรบกับยูเครน
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐระบุว่าการมาร่วมประชุมของชาติหุ้นส่วนจากภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเหล่านี้ ส่งสัญญาณไปยังจีนว่า พันธมิตรประชาธิปไตยจะยืนหยัดเพื่อหลักนิติรัฐ
สำนักข่าววีโอเอรายงานว่า นายเจสัน อิสราเอล ผู้อำนวยการอาวุโสด้านนโยบายกลาโหมของจากสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ให้ความเห็นว่า NATO รับรู้ว่าภัยคุกคามจากอินโด-แปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) หรือสาธารณรัฐประชาชนจีนที่สนับสนุนรัสเซียในการรุกรานยูเครน คือสิ่งที่ไม่อาจจะหลบเลี่ยงได้
แถลงการณ์ของ NATO ไม่เพียงเรียกจีนว่าเป็น “ผู้ส่งเสริมที่เด็ดเดี่ยว” ของสงครามรัสเซียในยูเครน แต่ยังเรียกร้องให้จีนเลิกสนับสนุนรัฐบาลกรุงมอสโกด้วย นอกจากนี้ NATO ยังแสดงความกังวลถึงแสนยานุภาพทางอากาศและคลังอาวุธนิวเคลียร์ของรัฐบาลปักกิ่งด้วย
นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการใหญ่นาโต กล่าวเมื่อวันพุธว่า การที่จีนสนับสนุนวัสดุที่สามารถใช้ได้ทั้งในด้านพลเรือนและด้านการผลิตอาวุธแก่รัสเซีย ทำให้รัสเซียเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของยุโรปและ NATO มากยิ่งขึ้น