จากกรณี บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซดคอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z.com แจ้งผ่านเว็บไซต์ของบริษัท ฯ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าบริษัทจะยุติการให้บริการบัญชีมาร์จิ้นทั้งหมด (หยุดให้บริการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหุ้น) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป แต่จะยังคงให้บริการในส่วนของบัญชี Cash Balance แก่นักลงทุนตามปกตินั้น
ในส่วนของบริษัทแม่ซึ่งก็คือ GMO Internet Group ที่เข้ามาถือหุ้นใหญ่ Z.com ในนาม จีเอ็มโอ ไฟแนนซ์เชียล โฮลดิงส์ อิงค์ (GMO Financial Holdings Inc.) ก็ได้เอาชื่อเสียงความเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นมายืนยันว่า พร้อมสนับสนุนให้ Z.com ดำเนินกิจการในไทยต่อไป ไม่ได้มีแผนปิดตัวตามที่มีข่าวในสื่อก่อนหน้านี้แต่อย่างใด แม้ว่า Z.com จะดำเนินการขาดทุนบักโกรกอยู่กว่า 7.6 ล้านบาทก็ตาม
วันนี้ เรามาทำความรู้จัก GMO Internet Group และ GMO Financial Holdings Inc. ว่ามีความมั่นคงแข็งแกร่งเพียงใด
จีเอ็มโอ ไฟแนนซ์เชียล โฮลดิ้งส์ อิงค์. (GMO Financial Holdings Inc. หรือ GMOFHD) เป็นบริษัทร่วมทุนของกลุ่มจีเอ็มโอ อินเตอร์เน็ต กรุ๊ป (GMO Internet Group) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ชั้นแนวหน้าในประเทศญี่ปุ่น โดยฝ่ายจีเอ็มโอ ไฟแนนซ์เชียลฯ นั้น มี GMO Internet Group ถือหุ้นในสัดส่วน 65.26% ประกอบธุรกิจเป็น Holding Company โดยลงทุนในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเงิน
ทั้ง GMO Internet และ GMOFHD ต่างเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หรือ TSE (Tokyo Stock Exchange: TSE)
ดังกล่าวมาแล้วว่า จีเอ็มโอ ไฟแนนซ์เชียลฯ (GMOFHD) นั้น มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะ Holding Company โดยเน้นธุรกิจให้บริการทางการเงินได้แก่ การซื้อขายหลักทรัพย์ (Securities Trading) อัตราแลกเปลี่ยนทางการเงิน (Foreign Exchange Trading) และสินทรัพย์ดิจิทัล ครอบคลุมการให้บริการใน 3 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และประเทศไทย
สำนักงานใหญ่ของ GMOFHD ตั้งอยู่ในย่านชิบูย่า กรุงโตเกียว ที่ตั้งเดียวกับบริษัทแม่คือ GMO Internet Group ทั้งนี้ GMOFHD ก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2012 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 บริษัท ประกอบด้วย
รายได้จากการดำเนินงาน (Operating Revenue) ของ GMOFHD ดังระบุบนเว็บไซต์ของบริษัทเผยแพร่ ณ วันที่ 16 พ.ค. 2024 อยู่ที่ 12,880 ล้านเยนสำหรับไตรมาสแรกของปีนี้ (2024)
ส่วนรายได้จากการดำเนินงานของเดือนเมษายน 2024 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุด อยู่ที่ 5,076 ล้านเยน
รายได้ส่วนใหญ่ของไตรมาสแรก มาจากธุรกิจหลักคือการค้าหลักทรัพย์และฟอร์เร็กซ์ (10,877 ล้านเยน) ตามด้วยการเทรดสินทรัพย์คริปโต ( 1,907 ล้านเยน) และอื่นๆ (101 ล้านเยน)
GMOFHD ทำกำไรในปี 2023 รวม 7,650 ล้านเยน ก่อนหน้านี้ บริษัทเคยทำสถิติกำไรสูงสุดในปี 2021 ที่ 9,860 ล้านเยน
ส่วน GMO Internet Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ GMOFHD อีกทีนั้น คือผู้นำในอุตสาหกรรมการให้บริการอินเตอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งการพัฒนาและดำเนินการโดเมนที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดของญี่ปุ่น รวมทั้งด้านโฮสติ้งและคลาวด์ อีคอมเมิร์ซ การรักษาความปลอดภัย รวมทั้งโซลูชั่นด้านการชำระเงิน นอกจากนี้ GMO Internet Group ยังทำธุรกิจเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม FX เทรดดิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และโฆษณาออนไลน์ รวมทั้งสื่ออินเทอร์เน็ตและการซื้อขายสินทรัพย์คริปโต ผ่านบริษัทต่างๆที่อยู่ในเครือ
นายมาซาโตชิ คูมาไก (Masatoshi Kumagai) วัย 60 ปีผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ GMO Internet Group เป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่ติดอันดับร่ำรวยที่สุดของญี่ปุ่น โดยเขาทำรายได้แตะหลัก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 ขณะอายุ 56 ปี ธุรกิจของ GMO Internet Group พุ่งทะยานตามการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 ราคาหุ้นของ GMO Internet Group ขยายตัวกว่า 50% ขณะที่ดัชนี Nikkei 225 ของตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นในภาพรวมติดลบ 5% ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น
บริษัทก่อตั้งในปี 1991 และต่อมา 8 ปีหลังจากนั้นก็เข้าจดทะเบียนในตลาดทรัพย์โตเกียว ในระยะเริ่มแรกบริษัทดำเนินการธุรกิจด้านมัลติมีเดีย ก่อนจะปรับกลยุทธ์เดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจบริการด้านอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัวในปี 1995 และขยายไลน์ธุรกิจคตรอบคลุมทุกมิติของ internet infrastructure มากขึ้นเรื่อยๆ จากบริการพื้นฐานอย่างการให้บริการจดโดเมน เว็บโฮสติ้ง ฯลฯ ก็มีธุรกิจอื่นๆเสริมเข้ามา เช่น ธุรกิจสื่อและโฆษณาออนไลน์ การให้ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเกมบนโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
GMO Internet Group มีบริษัทที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 9 บริษัทในญี่ปุ่น และมีบริษัทในเครือ 106 บริษัททั่วโลก มีพนักงานกว่า 5,454 คน (ข้อมูล ณ ปี 2018)
ธุรกิจหลักๆ แบ่งเป็น
ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ GMO Internet Group เคยให้สัมภาษณ์นิตยสารฟอร์บส์ไว้เมื่อ 7 ปีที่แล้วว่า ยอดขายสุทธิของ GMO Internet มาจากตลาดญี่ปุ่น 96% และต่างประเทศ 4% เขา ตั้งเป้าให้ยอดจากต่างประเทศทวีสัดส่วนขึ้นเป็น 50% ในอนาคต
ยอดขายสุทธิของ GMO Internet Group ณ สิ้นปี 2023 อยู่ที่ 258,643 ล้านเยน เพิ่มขึ้น 5.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2022 และมีกำไรจากการดำเนินการ 42,471 ล้านเยน ลดจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 2.9%