6 เป้าหมายการพัฒนา สู่ Green ASEAN ที่เติบโตอย่างยั่งยืน

29 ม.ค. 2567 | 23:21 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ม.ค. 2567 | 23:43 น.

ศ.เจฟฟรีย์ แซคส์ ประธานเครือข่าย UN Sustainable Development Solutions Network กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ “Sustainability Talks: Towards a Green ASEAN” ยํ้าถึงความสำคัญในงานด้านการพัฒนา 6 ด้าน ที่จะนำชาติสมาชิกอาเซียนไปสู่การบรรลุเป้าหมาย “การพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน”

 

ใน การบรรยายพิเศษ ว่าด้วยเรื่อง “Sustainability Talks: Towards a Green ASEAN” จัดโดยกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (ACSDSD) C asean และ ThaiBev เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์ เจฟฟรีย์ แซคส์ (Jeffry Sachs) จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ประธานเครือข่าย UN Sustainable Development Solutions Network ได้นำเสนอแนวทาง "การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ที่จำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างมีระบบ และต้องอาศัยความร่วมมือของทุกๆประเทศ สำหรับการเปลี่ยนผ่านสีเขียวใน อาเซียน

ทั้งนี้ หมายถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่เป้าหมายการเป็นภูมิภาคที่มีก้าวการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรกับโลก สิ่งแวดล้อมและชุมชน เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้มีส่วนร่วมรับประโยชน์จากการเจริญเติบโตนั้น โดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และจำเป็นต้องรักษาบรรยากาศของความร่วมมือในภูมิภาค

ศาสตราจารย์ เจฟฟรีย์ แซคส์ จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ประธานเครือข่าย UN Sustainable Development Solutions Network

พร้อมกันนี้ ยังได้ระบุ แนวทางที่สำคัญ 6 ด้าน ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน ซึ่งได้แก่

  1. ด้านการศึกษา ประชาชนต้องได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งหากทำได้ก็เท่ากับว่าก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปได้แล้วถึง 70%
  2. ด้านสาธารณสุข เพราะการมีสุขอนามัยที่ดี ร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง เป็นพื้นฐานที่สำคัญของทุกการพัฒนา และช่วยเพิ่มผลิตภาพ (productivity)
  3. พลังงานสะอาด ซึ่งประเทศในอาเซียนกำลังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน ที่เป็นพลังงานสะอาดมากขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และเป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่จุดมุ่งหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ของอาเซียนด้วย
  4. เกษตรกรรมยั่งยืน จำเป็นต้องมีการใช้ที่ดินและทำการเกษตรที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ซึ่งเรื่องนี้สามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย รวมทั้งแนวทางการทำการเกษตรอัจฉริยะ
  5. การวางแผนเมือง และ
  6. การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล

การพัฒนา 6 ด้านสู่ Green ASEAN

ศาสตราจารย์แซคส์ นักเศรษฐศาสตร์และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา และเป็นประธานเครือข่าย UN Sustainable Development Solutions Network มีความเห็นว่า อาเซียนควรส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดในภูมิภาค เช่นกลุ่มความร่วมมือ RCEP ที่นอกจากจะมี 10 ชาติอาเซียนแล้วยังมีจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ร่วมเข้ามาด้วย ก็จะยิ่งทำให้มีพลังมากขึ้น และจะช่วยส่งเสริมศักยภาพของกันและกันในการดำเนินการด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนและการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคต่อไป

 

ทั้งนี้ เขามองว่า ประเทศในอาเซียนมีสถานะที่พร้อมกว่าและดีกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ เพราะนอกจากจะตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในโลกแล้ว อาเซียนยังมีความพร้อมทั้งในแง่แหล่งพลังงานหมุนเวียน มีเทคโนโลยีและบุคลากรที่จะสามารถนำพาประเทศชาติสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ก็จะเพิ่มพลังในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์แซคส์ยํ้าว่า ก่อนจะไปถึงเป้าหมายต่างๆที่วางไว้ อาเซียนต้องจัดทำแผนการที่จะต้องทำเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายเหล่านั้น อย่างลงในรายละเอียดและเป็นระบบ จากนั้นก็ต้องลงทุนในด้านการศึกษา ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญ และด้วยเหตุนี้จึงนำเรื่องการศึกษามาเป็นข้อแรกของการพัฒนา

 “เราต้องเริ่มจากการลงทุนในด้านการศึกษา ยกระดับการศึกษาให้มีคุณภาพ เพราะเยาวชนที่ได้รับการศึกษาที่ดี จะกลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาในอนาคต นอกจากนี้ การมีทรัพยากรบุคคลที่มีการศึกษาและมีคุณภาพ ก็จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในภูมิภาคอาเซียนด้วย

นอกจากการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และเสริมประสิทธิภาพด้านสาธารณสุข เพื่อยกระดับสุขภาพอนามัยของประชาชนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ ยังกล่าวว่า จากวิกฤตด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญอยู่และมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งส่งผลกระทบในด้านอื่นๆแล้วด้วย เช่น การขาดแคลนอาหารเนื่องจากภัยแล้งทำให้ผลผลิตการเกษตรลดลง โดยในปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่โลกมีอุณหภูมิร้อนมากที่สุดปีหนึ่ง นับตั้งแต่ที่เคยมีการบันทึกสถิติกันมา

ทำให้ ทุกประเทศควรต้องตระหนักแล้วว่า ถึงเวลาต้องร่วมมือกัน ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน การใช้ระบบขนส่งสาธารณะการปรับวิถีการใช้ชีวิตในเมือง รวมทั้งปรับเปลี่ยนการทำเกษตรกรรม เป็นต้น

สุดท้ายคือ การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล สำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมสีเขียวที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและวิถีความเป็นอยู่ของชุมชน ซึ่งเรื่องนี้ ศาสตราจารย์แซคส์มองว่า เทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็น “เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด” ในการบรรลุเป้าหมายด้านต่างๆที่มีอยู่

ในช่วงท้ายของการบรรยายพิเศษครั้งนี้ เขายังยํ้าว่า โลกต้องปรับเปลี่ยนแนวความคิดเสียใหม่ โลกยุคนี้ไม่มีชาติใดชาติหนึ่งเป็นพี่ใหญ่นำใคร สหรัฐอเมริกาไม่ได้เป็นผู้นำโลก และจีนก็ไม่ได้เป็นผู้นำโลกคนใหม่ เราไม่ได้อยู่ในยุคเก่าๆแบบนั้นอีกแล้ว แต่เราอยู่ในยุคที่ทุกประเทศต้องร่วมมือกัน และสร้างอนาคตใหม่ไปด้วยกัน