“ไล่ ชิงเต๋อ” ว่าที่ประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ กับภารกิจสุดท้าทาย

13 ม.ค. 2567 | 17:10 น.

นายไล่ ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดีไต้หวัน ตัวแทนพรรคดีพีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีวานนี้ (13 ม.ค.) เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน หลังปธน.คนปัจจุบันหมดวาระดำรงตำแหน่งในเดือนพ.ค.นี้

 

นายไล่ ชิงเต๋อ วัย 65 ปี ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน จาก พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ ดีพีพี (Democratic Progressive Party) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในปัจจุบัน เตรียมเข้ามาสานต่อนโยบายจากประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ซึ่งจะหมดวาระดำรงตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมนี้ ท่ามกลางความท้าทายนานัปการ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน ไปจนถึงแรงกดดันและการเผชิญหน้ากับจีนแผ่นดินใหญ่ 

ชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกของไต้หวันที่ได้คะแนนเสียงจากการเลือกตั้งเกิน 5 ล้านเสียง ด้วยคะแนนโหวต 40.2% ขณะที่คู่แข่ง คือ โหว โหย่วอี๋ จากพรรคชาตินิยมไต้หวัน หรือ พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ที่มาเป็นอันดับ 2 ได้คะแนนโหวต 33.4% และเคอ เหวินเจ๋อ จากพรรคประชาชนไต้หวัน หรือ TPP ได้คะแนน 26.4%

การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผลต่ออนาคตความสัมพันธ์ในอีก 4 ปีข้างหน้าของไต้หวันที่ปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย กับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งความสัมพันธ์ที่ว่านี้ รวมถึงประเด็นความมั่นคงและสันติภาพในบริเวณช่องแคบไต้หวัน

ส่วนความท้าทายที่เป็นประเด็นภายในประเทศนั้น ประธานาธิบดีคนใหม่จะต้องพบกับปัญหาด้านเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา และราคาที่อยู่อาศัยที่แพงขึ้นอย่างมากในไต้หวัน

นายไล่ ชิงเต๋อ วัย 65 ปี ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี)

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ก่อนหน้านี้จีนเรียกการเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวันซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งจีนราว 160 กิโลเมตร ว่า เป็นการเลือกระหว่าง “สงคราม” และ “ความสงบสุข” เนื่องจากที่ผ่านมา ทางการปักกิ่งแสดงท่าทีต่อต้านอย่างรุนเเรงต่อเเนวคิดและนโยบายฝักใฝ่ตะวันตกของปธน.ไช่ อิงเหวินและของนายไล่ ในฐานะรองประธานาธิบดี ซึ่งมาจากพรรคเดียวกัน คือพรรคดีพีพี (Democratic Progressive Party)

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่นายไล่ และประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ที่กำลังจะลงจากตำแหน่ง ได้ปฏิเสธการอ้างอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวัน ซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นและเเยกตัวออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ท่ามกลางสงครามกลางเมืองในปีค.ศ. 1949

อย่างไรก็ตาม ทั้งนายไล่และนางไช่ ได้เสนอที่จะเจรจากับจีน แต่รัฐบาลปักกิ่งปฏิเสธท่าทีดังกล่าว และเรียกบุคคลทั้งสองว่าเป็น "ผู้ที่ต้องการแบ่งเเยกดินเเดน"

ทั้งนี้ เชื่อกันว่ารัฐบาลจีนอยากให้คู่แข่งของนายไล่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ โหว โหย่วอี๋ จากพรรคชาตินิยมไต้หวัน หรือพรรคก๊กมินตั๋ง ชนะการเลือกตั้งมากกว่า อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า ทั้งผู้สมัครจากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) และพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) ต่างก็ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้แล้วหลังจากที่ผลนับคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้งไต้หวัน ชี้ว่าการนับคะแนนเสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 90% ทั่วประเทศ

"ผมหวังว่าทุกพรรคการเมืองจะร่วมกันเผชิญความท้าทายของไต้หวัน เราต้องการไต้หวันที่เป็นหนึ่งเดียว" โหว โหย่วอี๋ จากพรรคชาตินิยมไต้หวัน (KMT) กล่าวขณะประกาศยอมรับความพ่ายแพ้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไต้หวัน หรือในชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐจีน ประสบความสำเร็จด้านประชาธิปไตยนับตั้งแต่จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงครั้งแรกในปีพ.ศ. 2539 หลังจากเผชิญกับการปกครองแบบเผด็จการและกฎอัยการศึกมานานหลายทศวรรษ

พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และปฏิเสธการอ้างสิทธิของจีนเหนือดินแดนไต้หวัน ได้ส่งผู้สมัครลงชิงชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งรวมถึงนายไล่ ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง จีนประณามนายไล่หลายครั้งว่าเป็นผู้แบ่งแยกดินแดนที่เป็นอันตราย และปฏิเสธเสียงเรียกร้องของนายไล่หลายครั้งในการเจรจา ขณะที่นายไล่กล่าวว่าเขามุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน และจะยังคงส่งเสริมการป้องกันเกาะไต้หวันต่อไป

เขามุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน และจะยังคงส่งเสริมการป้องกันเกาะไต้หวันต่อไป

สำหรับประวัติ ของนายไล่ ชิงเต๋อ หรือ “วิลเลียม ไล่ ชิงเต๋อ” เขาเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ในเขตว่านหลี่ เมืองนิวไทเป เขาเติบโตมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว เนื่องจากบิดาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เหมืองแร่ขณะเขามีอายุได้เพียง 2 ขวบเท่านั้น

ไล่ ชิงเต๋อ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน จากนั้น ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกง สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สาขาสาธารณสุขศาสตร์ ทำให้เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์เพียงไม่กี่คนในไต้หวัน ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู การดูแลทางคลินิก และความเชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข

การเบนเข็มทิศชีวิตสู่เส้นทางการเมือง เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไต้หวันยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกและเดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ในช่วงเวลานั้น ไล่ ชิงเต๋อ หวังเพียงว่าการมาเป็นนักการเมืองจะทำให้สามารถมีบทบาทในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

เส้นทางการเมืองของไล่ ชิงเต๋อ

  • เป็นนักการเมืองชาวไต้หวันสังกัดพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ ดีพีพี (Democratic Progressive Party) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในปัจจุบัน
  • ไล่ ชิงเต๋อ ชนะการเลือกตั้งได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ถึง 2553
  • เป็นนายกเทศมนตรีเมืองไถหนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ถึง 2560
  • เป็นนายกรัฐมนตรีของไต้หวัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ถึง 2563
  • ตำแหน่งล่าสุดของเขา คือเป็นรองประธานาธิบดีภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน โดยดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563
  • 13 ม.ค.2567 ชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน เขาจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการหลังนางไช่ อิงเหวิน ลงจากตำแหน่งในเดือนพ.ค.นี้