สงครามอิสราเอล-ฮามาสที่ส่อเค้ายืดเยื้อ : นี่คือ เหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นในปี 2566 และยังคงส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกมาจนถึงขณะนี้
จุดเริ่มต้นเช้าตรู่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 กลุ่มติดอาวุธฮามาสซึ่งมีศูนย์บัญชาการอยู่ในเขตฉนวนกาซาทางตอนใต้ของอิสราเอล ก่อเหตุโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ซึ่งเป็นการจู่โจมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเหนือความคาดหมาย หน่วยปฏิบัติการภาคพื้นดินของฮามาสสังหารผู้คนทั้งที่เป็นชาวอิสราเอลและต่างชาติไปกว่า 1,400 คน และยังจับตัวประกันกลับเข้าไปในเขตกาซามากกว่า 200 คน ซึ่งรวมทั้งแรงงานไทยที่เข้าไปทำงานอยู่ในอิสราเอล ภาวะความตึงเครียดหลังจากนั้น ทำให้ต้องเกิดปฏิบัติการอพยพแรงงานไทยกลับบ้านหลายเที่ยวบินอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เหตุการณ์จู่โจมของฮามาส ทำให้กองทัพอิสราเอลประกาศสงครามและโจมตีตอบกลับตลอดระยะเวลากว่าสองเดือน สร้างความสูญเสียอย่างหนักต่อเขตฉนวนกาซาซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์นับล้านคน เป้าประสงค์ของกองทัพป้องกันตนเองอิสราเอล ก็เพื่อถอนรากถอนโคนกลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซาและมีศูนย์บัญชาการทั้งบนดินและใต้ดินอยู่ที่นั่น แต่การระดมโจมตีก็คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ทั้งชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ ทหาร นักข่าว รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ไปแล้วกว่า 20,000 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 30,000 คน สำนักข่าวบีบีซีรายงานอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของฮามาสในฉนวนกาซา ระบุว่า หากไม่นับรวมช่วงหยุดยิงชั่วคราว 7 วัน จะพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละวันมีประชาชนเกือบ 300 คนที่ถูกคร่าชีวิต นับตั้งแต่เหตุความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น
สหประชาชาติระบุว่า ไม่มีที่ไหนอีกแล้วในเขตฉนวนกาซาที่กล่าวได้ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย ล่าสุด กระทรวงการคลังอิสราเอลได้เสนอตั้งค่าใช้จ่ายด้านกลาโหมสำหรับปี 2567 เพิ่มขึ้นประมาณ 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 287,000 ล้านบาท โดยประเมินจากสมมติฐานที่ว่าการสู้รบอันดุเดือนกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาจะสิ้นสุดลงในไตรมาส 1 ของปี 2567
เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูดในตุรกี-ซีเรีย ห้าหมื่นชีวิตปลิดปลิว:
เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นในเวลาที่ผู้คนยังคงหลับใหล นั่นคือเวลา 04.17 น. ของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ตามเวลาท้องถิ่น ของประเทศตุรกีและซีเรีย เกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.8 และ 7.5 แมกนิจูด ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาห่างกันไม่นานนัก เป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นสองครั้งติดกัน สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 100 ปี นับตั้งแต่ที่มีการบันทึกสถิติมา
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ไกลถึงเลบานอนที่อยู่ห่างออกไป 300 กิโลเมตร ทั้งยังมีอาฟเตอร์ช็อกเป็นการสั่นไหวขนาดเล็กตามมาอีกหลายร้อยครั้งอย่างต่อเนื่อง ตามด้วยแผ่นดินไหวขนาด 6 แมกนิจูดซ้ำอีกครั้ง ในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึง 3 สัปดาห์ ทำให้ต้องเรียกว่า นี่คือเหตุการณ์กุมภาพันธ์วิปโยคสำหรับทั้งสองประเทศ
ทางการตุรกีรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรอบแรก (รวมในสองประเทศ) กว่า 51,100 ราย แบ่งเป็น 44,300 รายในตุรกี และ 6,700 รายในซีเรีย ความช่วยเหลือจากนานาประเทศหลั่งไหลไปยังตุรกีและซีเรีย รวมทั้งหน่วยปฏิบัติการ “Thailand for Turkey” ซึ่งเป็นทีมกู้ภัย 42 คน พร้อมสุนัขกู้ภัย 2 ตัวจากทีมกู้ภัย USAR Thailand เข้าร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้
การล้มละลายของธนาคารใหญ่ระดับโลก:
ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley Bank หรือ SVB) ที่เป็นสัญลักษณ์ความสําเร็จของอุตสาหกรรมบริการทางการเงินและการธนาคารที่มีลูกค้าจำนวนมากเป็นบริษัทสตาร์ทอัป ถูกหน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบของสหรัฐ สั่งปิดพร้อมยึดเงินฝากทั้งหมดเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566 หลังธนาคารขาดกระแสเงินสดหมุนเวียนอย่างหนัก จนต้องเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในราคาขาดทุน โดยต้นเหตุมาจากการประกาศขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้ลูกค้าธนาคาร SVB ที่เป็นกลุ่มสตาร์ทอัป พากันแห่ถอนเงินสดออกจากธนาคารอย่างกะทันหัน จนทำให้ธนาคารประสบปัญหาสภาพคล่อง นอกจากนี้ SVB ยังมีการบริหารความเสี่ยงและการกระจายความเสี่ยงที่ล้มเหลว โดยใช้เงินกู้ไปกับการลงทุนที่เน้นอุตสาหกรรมหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของภาคเศรษฐกิจมากจนเกินไป
ต่อมา SVB Financial Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ยื่นเรื่องต่อศาลนิวยอร์กเพื่อขอรับการพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ทั้งนี้ การล้มละลายของ SVB ถือเป็นกรณีธนาคารล้มละลายครั้งใหญ่ที่สุดของธนาคารนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินเมื่อปี 2551
นอกจากการล้มละลายของธนาคาร SVB สหรัฐยังมีกรณีธนาคารล้มในเวลาไล่เลี่ยกัน คือ ธนาคาร Signature Bank (12 มี.ค.) และ Silvergate Bank (11 มี.ค.) เป็นธนาคารด้านคริปโตของสหรัฐ ที่ถูกผลกระทบจาก “ภาวะตลาดหมี” ในตลาดคริปโต ทำให้ธนาคารซิลเวอร์เกตขาดทุนกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกของปีนี้
กรณีการล้มของธนาคารสหรัฐ หน่วยงานภาครัฐรีบออกมาดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กระทรวงการคลัง หรือองค์กรคุ้มครองเงินฝาก (Federal Deposit Insurance Corporation: FDIC) ทำให้ผลกระทบไม่ลุกลามเป็นโดมิโน นอกจากนี้ ลูกค้าที่มีเงินฝากกับ SVB และ Signature Bank จะได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวน ซึ่งสามารถถอนเงินออกได้
นอกจากนี้ ยังมีความช่วยเหลือธนาคารผ่านโปรแกรมพิเศษ Bank Term Funding Program (BTFP) เสนอเงินกู้อายุ 1 ปีให้กับสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการล้มของธนาคาร SVB ทั้งนี้ นอกจากโปรแกรมให้สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือแล้ว ทางการยังตั้งกองทุนมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้แบงก์อื่นๆ ในระบบถูกกระทบอีกชั้นด้วย
ในเดือนมีนาคมซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกัน ยังเกิดข่าวช็อกโลกเกี่ยวกับการล่มสลายของสถาบันการเงินเก่าแก่ในภาคพื้นยุโรป นั่นคือ “ธนาคารเครดิต สวิส” ที่มีมายาวนานกว่า167 ปี (ก่อตั้งในปี ค.ศ.1856) ต้องประสบภาวะวิกฤตทางการเงินจนเสี่ยงล้ม และหุ้นตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาครัฐต้องยื่นมือเข้าช่วยเป็นตัวกลางดึงธนาคารยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ เข้ามาช่วยพยุงสถานการณ์ จนกระทั่งสามารถบรรลุข้อตกลงการช่วยเหลือฉุกเฉิน โดยยูบีเอสเข้าซื้อกิจการของธนาคารเครดิต สวิส ได้ในที่สุดโดยการสนับสนุนของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์
แบงก์ชาติสวิส ระบุว่า ข้อตกลงนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการฟื้นความเชื่อมั่นให้แก่ตลาดการเงินและเพื่อจัดการความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจในภาพรวม
เมื่อเศรษฐกิจชะลอ และ AI ทำให้ 2566 กลายเป็นปีแห่งการเลย์ออฟ:
การเลิกจ้างพนักงาน (layoff) เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565 หลังจากที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะชะงักงัน มาเกือบสามปี หลายบริษัทต้องปิดตัว และหลายรายรวมทั้งสายการบินและบริษัทด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ต้องปลดพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายและพยุงองค์กรให้อยู่รอด
ต่อเนื่องมาจนกระทั่งปีนี้ 2566 กระแสการเลย์ออฟก็ยังไม่หยุดหย่อน เฉพาะในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว มีการปลดพนักงานในวงการเทคโนโลยีมากกว่า 50,000 คน และตั้งแต่ช่วงต้นปีมา การเลิกจ้างพนักงานในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกก็ยังคงดำเนินอยู่ เช่น บริษัทเมตา (Meta) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก (Facebook) เลิกจ้างพนักงานกว่า 10,600 คน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ขณะที่ดร็อปบ็อกซ์ ( Dropbox ) บริษัทผู้ให้บริการคลาวด์สตอเรจ ประกาศปลดพนักงาน 500 ตำแหน่ง หรือร้อยละ 16 ของพนักงานทั้งหมดทั่วโลก ส่วนกูเกิล (Google) ประกาศปลดพนักงานจำนวน 12,000 ตำแหน่ง เป็นต้น
แม้ว่าเหตุผลส่วนใหญ่ของผู้บริหารบริษัทเหล่านี้ อ้างว่าจำเป็นต้องลดขนาดองค์กร เป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจมหภาคและผลประกอบของบริษัทไม่เป็นไปตามคาด ตลอดจนความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่อีกเหตุปัจจัยที่สำคัญก็คือ มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ มาใช้ทำงานแทนที่มนุษย์ ซึ่งก็พลอยทำให้พนักงานในหลายองค์กรพากันหนาวๆร้อนๆไปตามกัน เกรงว่าสุดท้ายแล้วเอไอจะเข้ามาแย่งงาน
เรือดำน้ำไททัน (Titan) ระเบิดสนั่นวงการท่องเที่ยวแอดเวนเจอร์:
นักท่องเที่ยวพร้อมกัปตันเรือรวม 5 ชีวิตก้าวขึ้นเรือดำน้ำ "ไททัน" (Titan) เพื่อเที่ยวชมซากเรือไททานิค (Titanic) ใต้มหาสมุทรแอตแลนติกตามโปรแกรมท่องเที่ยวที่ซื้อมาในราคาแสนแพงหัวละ 250,000 ดอลลาร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มิ.ย.2566 โดยไม่คาดคิดมาก่อนว่า พวกเขาจะลงไปพบจุดจบใต้น้ำลึกโดยไม่มีใครได้กลับขึ้นมาอีกเลย
ตามกำหนดการแล้วเรือดำน้ำไททัน จะต้องกลับขึ้นสู่ผิวน้ำและเข้าฝั่งตั้งแต่คืนวันที่ 18 มิ.ย. ทว่าเรือดำน้ำดังกล่าว ซึ่งเป็นของบริษัทโอเชียนเกต เอ็กซ์พีดิชันส์ กลับสูญเสียการติดต่อกับเรือแม่ที่รออยู่บนผิวน้ำนอกชายฝั่งเมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา หลังออกเดินทางดำดิ่งลงมุ่งหน้าสู่ซากเรือไททานิคที่ความลึก 3,800เมตร (12,500 ฟุต) ได้เพียง 1 ชั่วโมง 45 นาทีเท่านั้น
ข่าวเรือดำน้ำไททันไร้การติดต่อกลายเป็นหัวข้อข่าวใหญ่ระดับโลก ผู้คนไม่เพียงลุ้นให้เกิดปาฏิหาริย์ขณะที่หน่วยปฏิบัติการช่วยเหลือระดมกำลังและอุปกรณ์เข้าค้นหาแข่งกับเวลาเพราะคาดคำนวณว่าออกซิเจนภายในเรือดำน้ำจะเหลือน้อยลงทุกที ภาคผิวน้ำและทางอากาศมีการระดมหาร่องรอยของชิ้นส่วนที่อาจจะเป็นซากเรือหรือเบาะแสใดๆก็ตาม
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ในระดับความลึกใต้มหาสมุทรเช่นนั้น หรือที่ระดับความลึกราว 3,800 เมตร จะมีแรงดันน้ำ มากกว่าระดับปกติถึง 400 เท่า หรือเกือบ 6,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว หรือเทียบง่ายๆ คือราว ๆ น้ำหนักของหอไอเฟลหลายหมื่นตัน หากเกิดรอยร้าวที่โครงสร้างของเรือดำน้ำ ก็จะทำให้แรงดันน้ำจากภายนอกบีบอัดเข้าไปภายในเรือได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายข่าวนี้ ก็กลายเป็นโศกนาฏกรรม เพราะวันที่ 23 มิ.ย.ทีมดำน้ำพบซากเรือดำน้ำไททันกระจัดกระจายเป็นชิ้น ๆ ใกล้บริเวณที่ซากเรือยักษ์ไททานิคจมอยู่ คาดว่าจะเกิดการระเบิดจากภายในเรือดำน้ำ ที่เกิดจากข้อบกพร่องในตัวเรือหรือด้วยเหตุผลอื่น ซึ่งในสถานการณ์เช่นนั้น เรือดำน้ำจะยุบตัวในเสี้ยววินาที เนื่องจากถูกแรงดันน้ำมหาศาลภายนอกห้องผู้โดยสาร กดอัดเข้ากับตัวเรือและเกิดการระเบิด ซึ่งผู้ที่อยู่ในห้องปรับความดันอาจเสียชีวิตได้ในทันที
ศาสตราจารย์ รอเดอริก สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ให้ความเห็นว่า อุบัติเหตุของเรือดำน้ำไททัน น่าจะเกิดจากปัญหาของตัวเรือดำน้ำในการรักษาความดัน กระนั้น เศษชิ้นส่วนของเรือจะต้องถูกเก็บกู้เพื่อดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบต่อไป แม้ว่าความรุนแรงของการระเบิดจะทำให้การระบุลำดับเหตุการณ์และสาเหตุที่แท้จริง เป็นเรื่องที่ยากมากก็ตาม
สำหรับ ผู้เสียชีวิต 5 คนจากโศกนาฏกรรมเรือดำน้ำไททันระเบิดครั้งนี้ ได้แก่ 1) นายสต็อกตัน รัช ผู้ก่อตั้งและ CEO บริษัทโอเชียนเกตฯ เจ้าของเรือ วัย 61 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้บังคับการเรือไททัน 2) นายฮามิช ฮาร์ดิง มหาเศรษฐี นักสำรวจชาวอังกฤษ วัย 58 ปี 3) นายชาห์ซาดา ดาวูด นักธุรกิจชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถาน วัย 48 ปี 4) นายสุเลมาน ดาวูด วัย 19 ปี ลูกชายนายชาห์ซาดา และ 5) นายปอล อองรี นาร์โฌเลต์ อดีตนักดำน้ำของกองทัพเรือฝรั่งเศส และผู้เชี่ยวชาญซากเรือไททานิก วัย 77 ปี