เหตุกราดยิง ที่ มหาวิทยาลัยชาร์ลส์ ใน กรุงปราก วานนี้ (21 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น) นับเป็นโศกนาฏกรรมในรูปแบบการยิงกราดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ สาธารณรัฐเช็ก และรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงผู้บัญชาการตำรวจ มาร์ติน วอนดราเซค เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทราบเบาะเเสว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก่อนเกิดเหตุ โดยรับทราบข้อมูลเพียงว่า มีชายคนหนึ่งจะมุ่งหน้าไปยังกรุงปรากจากเขตคลาดโน และเขาต้องการปลิดชีพตนเอง หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็พบศพของพ่อผู้ก่อเหตุเป็นรายแรก
ผู้บัญชาการตำรวจกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากบัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดีย และตัวมือปืนก็มีอาวุธในครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เหตุกราดยิงลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยในสาธารณรัฐเช็ก ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2015 ชายผู้หนึ่งใช้อาวุธปืนยิงสังหารเหยื่อ 8 รายและปลิดชีพตนเองที่ร้านอาหารที่เมืองยูเฮิร์สกี บรอด และหลังจากนั้นถัดมา 4 ปี ก็มีมือปืนวัย 42 ปี ก่อเหตุที่โรงพยาบาลในเมืองออสตราวา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน ก่อนที่เขาจะยิงตัวตายเช่นกัน
สำหรับครั้งล่าสุดนี้ นับเป็นเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากที่สุดนับตั้งแต่ที่สาธารณรัฐเช็กแยกตัวเป็นเอกราชเมื่อ 30 ปีก่อน
ประธานาธิบดีพีท พาเวล ผู้นำสาธารณรัฐเช็ก กล่าวว่า เขารู้สึก "ช็อก" จากเหตุกราดยิงครั้งนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ "ผมรู้สึกช็อกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงปราก และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและญาติของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต" ปธน.พาเวลระบุในบัญชี X นอกจากนี้ เขายังขอบคุณประชาชนในกรุงปรากที่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถวิสามัญฆาตกรรมมือปืนรายนี้ ซึ่งเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยดังกล่าว และตำรวจยืนยันว่าเหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้ไม่ใช่เหตุก่อการร้าย