1 สิงหาคม วันสถาปนากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน

01 ส.ค. 2566 | 00:35 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ส.ค. 2566 | 01:41 น.

วันที่ 1 สิงหาคม เป็นวันสถาปนากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ซึ่งในปี 2566 นี้เป็นการครบรอบก่อตั้ง 96 ปี เรามาทำความรู้จักกองทัพอันเกรียงไกรที่ได้ชื่อว่า "กองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก" นี้กันว่า มีความเป็นมาอย่างไร  

 

วันที่ 1 สิงหาคม 1927 (พ.ศ. 2470) ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการสถาปนา กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือ People's Liberation Army (PLA) ซึ่งเป็นกองทัพของประชาชนรูปแบบใหม่ภายใต้การนำของ พรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันนี้เวียนมาอีกครั้งในปี 2566 จึงเป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งครบรอบ 96 ปี

ย้อนไปในช่วงขวบปีของการก่อตั้ง คือในปี 2470 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ตั้งกองทหารขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมระหว่างเกิดการจลาจลหนานชาง ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสงครามกลางเมืองของจีน กลุ่มคอมมิวนิสต์แห่งกองทัพปฏิวัติแห่งชาติก่อกบฏภายใต้การนำของ จูเต๋อ, เหอ หลง, เย่ เจี้ยนอิง, โจว เอินไหล และกลุ่มฝ่ายซ้ายอื่น ๆ ของพรรคก๊กมินตั๋ง หลังจากการสังหารหมู่ที่เซี่ยงไฮ้ในปี 1927 จากนั้นพวกเขาถูกเรียกว่ากองทัพแดงของกรรมกรและชาวนาจีน หรือเรียกสั้นๆ ว่า กองทัพแดง

ในปี 1934 และ 1935 กองทัพแดงรอดพ้นจากการรณรงค์หลายครั้งที่นำโดยพรรคก๊กมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็ก (ผู้นำทหารฝ่ายสาธารณรัฐจีนบนแผ่นดินใหญ่ ที่ต่อมาต้องถอยร่นไปปักหลักที่เกาะไต้หวัน) และเข้าร่วมในการเดินทัพทางไกล (Long March) ซึ่งเป็นการอพยพกำลังพลรวมทั้งประชาชนจากทางใต้หนีขึ้นไปทางเหนือของประเทศจีน เนื่องจากขณะนั้นกำลังพลของฝ่ายกองทัพแดงที่เป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ มีน้อยกว่าฝ่ายรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง การนำทัพกองทัพแดงโดยเหมา เจ๋อตุง ในครั้งนั้น ทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนอื่นๆ ให้ขึ้นสู่อำนาจในเวลาต่อมา

กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน มีประวัติศาสตร์มายาวนาน

หลังจากสะสมกำลังพลและอาวุธที่มณฑลฉ่านซีอยู่หลายปีจนถึง ค.ศ. 1945 กองทัพแดงได้ยกทัพมาต่อสู้กับรัฐบาลเจียง ไคเช็ก และขับไล่เจียง ไคเช็กไปยังไต้หวัน และสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ. 1949 

บทบาทในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่น

ถึงแม้จะมีสงครามกลางเมืองซึ่งเป็นการรบกันเองระหว่างกองทัพแดงของพรรคคอมมิวนิสต์และกองทัพปฏิวัติแห่งชาติของสาธารณรัฐจีน แต่ในช่วงสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ระหว่างปี 1937 ถึง 1945 ทั้งสองฝ่ายต้องหันมาจับมือกันชั่วคราว เพื่อรับมือกับกองกำลังต่างชาติ (ญี่ปุ่น)

กองกำลังทหารของพรรคคอมมิวนิสต์ ได้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพปฏิวัติแห่งชาติของสาธารณรัฐจีน โดยสร้างหน่วยหลักสองหน่วย คือ กองทัพที่แปดและกองทัพที่สี่ใหม่ ในช่วงเวลานี้ กลุ่มทหารทั้งสองกลุ่มนี้ใช้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจรเป็นหลัก โดยทั่วไปจะหลีกเลี่ยงการสู้รบขนาดใหญ่กับญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันก็รวมกำลังกันโดยการเกณฑ์กองทหารก๊กมินตั๋ง และกองกำลังกึ่งทหารที่อยู่หลังแนวรบของญี่ปุ่นเข้ามาในกองกำลังของพวกเขา

หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงครามในปี 1945 พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงใช้โครงสร้างองค์การของกองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีนอยู่ จนกระทั่งมีการตัดสินใจในเดือนกุมภาพันธ์ 1947 เพื่อรวมกองทัพที่แปดและกองทัพที่สี่ใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อกองกำลังใหม่ที่มีกำลังพลนับล้านเป็น “กองทัพปลดปล่อยประชาชน” การปรับโครงสร้างองค์กรเสร็จสิ้นในปลายปี 1948 และต่อมาเมื่อกองทัพปลดปล่อยประชาชนชนะสงครามกลางเมืองจีน ก็สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949

กองทัพที่ยิ่งใหญ่

หลังจากนั้นจึงมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยมีการจัดตั้งกองทัพอากาศในเดือนพฤศจิกายน 1949 ตามด้วยกองทัพเรือในเดือนเมษายน 1950

ในปี 1950 ได้มีการจัดตั้งกองปืนใหญ่ กองยานเกราะ กองทหารป้องกันภัยทางอากาศ กองกำลังรักษาความปลอดภัยสาธารณะ และกองทหารรักษาการณ์คนงาน-ทหาร กองกำลังป้องกันสงครามเคมี กองกำลังทางรถไฟ กองกำลังสื่อสาร และกองกำลังทางยุทธศาสตร์ ตลอดจนกองกำลังอื่นๆ เช่น วิศวกรรมและการก่อสร้าง การขนส่งและการบริการทางการแพทย์

กองกำลังติดอาวุธของประเทศจีน นั้น มีกำลังพลรวม 3.5 ล้านนาย เป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

บทบาทและภารกิจของกองทัพยุคใหม่

ปัจจุบัน เมื่อพูดถึงกองทัพจีน หรือกองกำลังติดอาวุธของประเทศจีน นั้น มีกำลังพลรวม 3.5 ล้านนาย เป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ

  • กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งชาติจีน ประกอบด้วยกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองกำลังขีปนาวุธ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของคณะกรรมาธิการกลางทหารสูงสุด มีกองกำลังทั้งสิ้น 2.3 ล้านนาย
  • กองกำลังตำรวจติดอาวุธเพื่อประชาชนแห่งชาติจีน (ประกอบด้วยหน่วยปราบปรามและพิทักษ์สันติราษฎร์ภายในประเทศ, หน่วยสำรวจธรณีและทรัพยากรเหมืองแร่, หน่วยพิทักษ์ป่าไม้, หน่วยโยธาการไฟฟ้าและการประปา, หน่วยโยธาการคมนาคม, หน่วยลาดตระเวนชายแดน, หน่วยดับเพลิง และหน่วยตำรวจอารักขา เป็นต้น) ขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมาธิการกลางทหารสูงสุด มีกองกำลังทั้งสิ้น 1.2 ล้านนาย

กองทัพปลดปล่อยประชาชน ถือเป็นกองกำลังทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ไม่รวมกองกำลังกึ่งทหารหรือกองหนุน) และมีงบประมาณกลาโหมมากเป็นอันดับสองของโลก นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในกองทัพที่พัฒนาให้ทันสมัยได้เร็วที่สุดในโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาอำนาจทางทหารที่มีศักยภาพ

ในระยะเวลา 96 ปีที่ผ่านมา กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ในการก่อสร้างความเป็นเอกราชของชนชาติจีน การปลดปล่อยประชาชนจากการปกครองระบอบเก่า การสร้างสรรค์ความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติจีน รวมทั้งในการรักษาสันติภาพของโลกและส่งเสริมความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติ

ในปี 2004 อดีตประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ได้กล่าวถึง พันธกิจหลักของกองทัพปลดปล่อยประชาชน ว่า

  • ประกันตำแหน่งผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์
  • ปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ความมั่นคงภายใน และการพัฒนาประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน
  • รักษาผลประโยชน์ของประเทศ
  • รักษาและปกป้องความสงบสุขของโลก

ในยุคสมัยของปธน.สี จิ้นผิง กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน พยายามผลักดันข้อริเริ่มว่าด้วยความมั่นคงของโลก (Global Security Initiative) อย่างรอบด้าน

กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน เป็นกำลังคุ้มครองเชิงยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนให้ความฝันต่อการฟื้นฟูความเจริญรุ่งโรจน์ครั้งยิ่งใหญ่แห่งชนชาติจีนกลายเป็นความจริง โดยปฏิบัติตามเป้าหมายการเสริมสร้างกองทัพที่เข้มแข็งในยุคใหม่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน คือเป็นกองทัพประชาชนที่เชื่อฟังคำชี้นำของพรรคฯ เป็นกองทัพที่สามารถชนะสงครามได้ และเป็นกองทัพที่มีท่วงท่าทำนองที่เข้มงวด จนกระทั่งสามารถสร้างสรรค์กองทัพจีนให้เป็นกองทัพระดับแนวหน้าของโลก เพื่อเดินหน้าทำให้ความฝันในการฟื้นฟูความเจริญรุ่งโรจน์ครั้งยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติจีนกลายเป็นความจริง

ในยุคสมัยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน พยายามผลักดัน ข้อริเริ่มว่าด้วยความมั่นคงของโลก (Global Security Initiative) อย่างรอบด้าน ตามข้อเสนอของประธานาธิบดี โดยชูธงที่ร่วมมือกันกับนานาประเทศ รวมทั้งไทย เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน สร้างวิสัยทัศน์ความมั่นคงที่มีลักษณะร่วมกันอย่างครอบคลุมและยั่งยืน