วันที่ 1 สิงหาคม 1927 (พ.ศ. 2470) ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการสถาปนา กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือ People's Liberation Army (PLA) ซึ่งเป็นกองทัพของประชาชนรูปแบบใหม่ภายใต้การนำของ พรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันนี้เวียนมาอีกครั้งในปี 2566 จึงเป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งครบรอบ 96 ปี
ย้อนไปในช่วงขวบปีของการก่อตั้ง คือในปี 2470 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ตั้งกองทหารขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมระหว่างเกิดการจลาจลหนานชาง ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสงครามกลางเมืองของจีน กลุ่มคอมมิวนิสต์แห่งกองทัพปฏิวัติแห่งชาติก่อกบฏภายใต้การนำของ จูเต๋อ, เหอ หลง, เย่ เจี้ยนอิง, โจว เอินไหล และกลุ่มฝ่ายซ้ายอื่น ๆ ของพรรคก๊กมินตั๋ง หลังจากการสังหารหมู่ที่เซี่ยงไฮ้ในปี 1927 จากนั้นพวกเขาถูกเรียกว่ากองทัพแดงของกรรมกรและชาวนาจีน หรือเรียกสั้นๆ ว่า กองทัพแดง
ในปี 1934 และ 1935 กองทัพแดงรอดพ้นจากการรณรงค์หลายครั้งที่นำโดยพรรคก๊กมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็ก (ผู้นำทหารฝ่ายสาธารณรัฐจีนบนแผ่นดินใหญ่ ที่ต่อมาต้องถอยร่นไปปักหลักที่เกาะไต้หวัน) และเข้าร่วมในการเดินทัพทางไกล (Long March) ซึ่งเป็นการอพยพกำลังพลรวมทั้งประชาชนจากทางใต้หนีขึ้นไปทางเหนือของประเทศจีน เนื่องจากขณะนั้นกำลังพลของฝ่ายกองทัพแดงที่เป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ มีน้อยกว่าฝ่ายรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง การนำทัพกองทัพแดงโดยเหมา เจ๋อตุง ในครั้งนั้น ทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนอื่นๆ ให้ขึ้นสู่อำนาจในเวลาต่อมา
หลังจากสะสมกำลังพลและอาวุธที่มณฑลฉ่านซีอยู่หลายปีจนถึง ค.ศ. 1945 กองทัพแดงได้ยกทัพมาต่อสู้กับรัฐบาลเจียง ไคเช็ก และขับไล่เจียง ไคเช็กไปยังไต้หวัน และสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ. 1949
บทบาทในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่น
ถึงแม้จะมีสงครามกลางเมืองซึ่งเป็นการรบกันเองระหว่างกองทัพแดงของพรรคคอมมิวนิสต์และกองทัพปฏิวัติแห่งชาติของสาธารณรัฐจีน แต่ในช่วงสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ระหว่างปี 1937 ถึง 1945 ทั้งสองฝ่ายต้องหันมาจับมือกันชั่วคราว เพื่อรับมือกับกองกำลังต่างชาติ (ญี่ปุ่น)
กองกำลังทหารของพรรคคอมมิวนิสต์ ได้รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพปฏิวัติแห่งชาติของสาธารณรัฐจีน โดยสร้างหน่วยหลักสองหน่วย คือ กองทัพที่แปดและกองทัพที่สี่ใหม่ ในช่วงเวลานี้ กลุ่มทหารทั้งสองกลุ่มนี้ใช้ยุทธวิธีการรบแบบกองโจรเป็นหลัก โดยทั่วไปจะหลีกเลี่ยงการสู้รบขนาดใหญ่กับญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันก็รวมกำลังกันโดยการเกณฑ์กองทหารก๊กมินตั๋ง และกองกำลังกึ่งทหารที่อยู่หลังแนวรบของญี่ปุ่นเข้ามาในกองกำลังของพวกเขา
หลังจากญี่ปุ่นแพ้สงครามในปี 1945 พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงใช้โครงสร้างองค์การของกองทัพปฏิวัติแห่งชาติจีนอยู่ จนกระทั่งมีการตัดสินใจในเดือนกุมภาพันธ์ 1947 เพื่อรวมกองทัพที่แปดและกองทัพที่สี่ใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อกองกำลังใหม่ที่มีกำลังพลนับล้านเป็น “กองทัพปลดปล่อยประชาชน” การปรับโครงสร้างองค์กรเสร็จสิ้นในปลายปี 1948 และต่อมาเมื่อกองทัพปลดปล่อยประชาชนชนะสงครามกลางเมืองจีน ก็สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949
หลังจากนั้นจึงมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยมีการจัดตั้งกองทัพอากาศในเดือนพฤศจิกายน 1949 ตามด้วยกองทัพเรือในเดือนเมษายน 1950
ในปี 1950 ได้มีการจัดตั้งกองปืนใหญ่ กองยานเกราะ กองทหารป้องกันภัยทางอากาศ กองกำลังรักษาความปลอดภัยสาธารณะ และกองทหารรักษาการณ์คนงาน-ทหาร กองกำลังป้องกันสงครามเคมี กองกำลังทางรถไฟ กองกำลังสื่อสาร และกองกำลังทางยุทธศาสตร์ ตลอดจนกองกำลังอื่นๆ เช่น วิศวกรรมและการก่อสร้าง การขนส่งและการบริการทางการแพทย์
บทบาทและภารกิจของกองทัพยุคใหม่
ปัจจุบัน เมื่อพูดถึงกองทัพจีน หรือกองกำลังติดอาวุธของประเทศจีน นั้น มีกำลังพลรวม 3.5 ล้านนาย เป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ
กองทัพปลดปล่อยประชาชน ถือเป็นกองกำลังทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ไม่รวมกองกำลังกึ่งทหารหรือกองหนุน) และมีงบประมาณกลาโหมมากเป็นอันดับสองของโลก นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในกองทัพที่พัฒนาให้ทันสมัยได้เร็วที่สุดในโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาอำนาจทางทหารที่มีศักยภาพ
ในระยะเวลา 96 ปีที่ผ่านมา กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ในการก่อสร้างความเป็นเอกราชของชนชาติจีน การปลดปล่อยประชาชนจากการปกครองระบอบเก่า การสร้างสรรค์ความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติจีน รวมทั้งในการรักษาสันติภาพของโลกและส่งเสริมความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติ
ในปี 2004 อดีตประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ได้กล่าวถึง พันธกิจหลักของกองทัพปลดปล่อยประชาชน ว่า
กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน เป็นกำลังคุ้มครองเชิงยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนให้ความฝันต่อการฟื้นฟูความเจริญรุ่งโรจน์ครั้งยิ่งใหญ่แห่งชนชาติจีนกลายเป็นความจริง โดยปฏิบัติตามเป้าหมายการเสริมสร้างกองทัพที่เข้มแข็งในยุคใหม่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน คือเป็นกองทัพประชาชนที่เชื่อฟังคำชี้นำของพรรคฯ เป็นกองทัพที่สามารถชนะสงครามได้ และเป็นกองทัพที่มีท่วงท่าทำนองที่เข้มงวด จนกระทั่งสามารถสร้างสรรค์กองทัพจีนให้เป็นกองทัพระดับแนวหน้าของโลก เพื่อเดินหน้าทำให้ความฝันในการฟื้นฟูความเจริญรุ่งโรจน์ครั้งยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติจีนกลายเป็นความจริง
ในยุคสมัยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน พยายามผลักดัน ข้อริเริ่มว่าด้วยความมั่นคงของโลก (Global Security Initiative) อย่างรอบด้าน ตามข้อเสนอของประธานาธิบดี โดยชูธงที่ร่วมมือกันกับนานาประเทศ รวมทั้งไทย เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน สร้างวิสัยทัศน์ความมั่นคงที่มีลักษณะร่วมกันอย่างครอบคลุมและยั่งยืน