"ซูจี" ฉลองวันเกิด 78 ปีในคุกเมียนมา อินโดฯ ยันอาเซียนต้องมีจุดยืนร่วมกัน

21 มิ.ย. 2566 | 09:26 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มิ.ย. 2566 | 09:55 น.

อินโดนีเซียยืนกรานอาเซียนต้องมีจุดยืนร่วมกันกรณีไทยจัดประชุมกับตัวแทนรัฐบาลทหารเมียนมา ขณะที่เมื่อต้นสัปดาห์ นางอองซาน ซูจี สัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ฉลองวันเกิด 78 ปีในคุก หลังถูกก่อรัฐประหารเมื่อ 3 ปีก่อน  

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า นางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนและสัญลักษณ์การเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา เพิ่งมีอายุครบ 78 ปีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 มิ.ย.) ขณะถูกคุมขังเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ถูก กองทัพเมียนมา ก่อ รัฐประหาร โค่นอำนาจรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง

นางซูจี ได้รับโทษจำคุก 33 ปี ซึ่งเทียบเท่าจำคุกตลอดชีวิต หลังจากถูกพิจารณาคดีใน 19 ข้อหา รวมถึงข้อหาทุจริตคอร์รัปชันและโกงเลือกตั้ง

สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนามว่า นางซูจีมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงดี เธอถูกคุมขังอยู่ในอาคารขนาดเล็กในเขตเรือนจำในกรุงเนปิดอว์ ซึ่งเธอถูกควบคุมตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 หลังจากที่ถูกกักบริเวณในบ้านพัก

นายคิม อริส บุตรชายคนเล็กของนางซูจี ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ ได้แถลงผ่านวิดีโอก่อนวันเกิดของเธอ เรียกร้องให้ปล่อยตัวมารดาและคืนอำนาจให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

"ข้อเรียกร้องประการแรกต่อกองทัพเมียนมา คือให้ปล่อยตัวแม่ของผมและนักโทษการเมืองทั้งหมด และให้หยุดยิงพร้อมเปิดการเจรจาเพื่อมอบอำนาจคืนให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย" นายอริสกล่าว

เสียงเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี ซึ่งปัจจุบันถูกตัดสินโทษจำคุก 33 ปี

ทั้งนี้ นอกเหนือจากนางซูจี ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 1991 แล้ว บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ในรัฐบาลของเธอ ตลอดจนนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและนักการเมืองอีกจำนวนมาก ต่างถูกกองทัพจับกุมหลังก่อรัฐประหาร และส่วนใหญ่ยังถูกคุมขังอยู่จนถึงขณะนี้

ดอกไม้แซมผมอันเป็นเอกลักษณ์

ด้านเหล่าผู้สนับสนุนนางซูจีจำนวนมากในเมียนมา ได้โพสต์ภาพตนเองพร้อมดอกไม้ติดผมลงบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งคล้ายกับดอกไม้ที่นางซูจีมักใช้ประดับผม เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของเธอในฐานะสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย และเป็นการประท้วงอย่างสงบในการเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาปล่อยตัวนางซูจี

อินโดฯ ยืนยันอาเซียนต้องมีจุดยืนร่วมกันกรณีไทยจัดประชุมกับเมียนมา

สำหรับประเด็นที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการและนอกกรอบอาเซียนเมื่อต้นสัปดาห์ (19 มิ.ย.) ที่พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อร่วมหารือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเมียนมา โดยเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลทหารเข้าร่วม แต่มีสมาชิกอื่นๆ ของอาเซียนส่งตัวแทนเข้าร่วมเพียง 5 ประเทศ (บรูไน กัมพูชา ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์) พร้อมอีก 2 ประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มอาเซียนแต่ได้รับผลกระทบจากปัญหาในเมียนมา คือ อินเดีย และจีน โดยไร้เงาของ 3 ชาติสมาชิกสำคัญของอาเซียน คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์

เกี่ยวกับเรื่องนี้ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปัจจุบัน เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ต้องร่วมกันยึดมั่นต่อ "ฉันทามติ 5 ข้อ" ที่นำมาใช้ในการจัดการวิกฤตในเมียนมา พร้อมกับวิจารณ์ไทยอย่างอ้อม ๆ เกี่ยวกับการจัดประชุมหารือกับผู้แทนเมียนมาว่า "ในส่วนที่เกี่ยวกับอาเซียน เรามีหลักเกณฑ์ของเรา (ในเรื่องเมียนมา) เรามีฉันทามติ 5 ข้อ เรามีข้อตกลงจากการประชุมสุดยอด นั่นเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ แต่เราจะไม่เข้าร่วม (การประชุมที่รัฐบาลไทยจัดขึ้น)" เอนกูราห์ สวาจายา ที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าว

ที่ปรึกษาผู้นี้ยังกล่าวด้วยว่า "หากเราต้องการบอกว่าการประชุมที่ไทยขัดกับหลักการความเป็นหนึ่งเดียวกันของอาเซียน คุณสามารถพูดเช่นนั้นได้ตามการแปลความหมายของคุณ แต่ในความเป็นจริงคือสมาชิกอาเซียนทุกประเทศยังคงให้การสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งต่ออินโดนีเซีย และไม่ใช่ว่าอินโดนีเซียไม่ทำอะไรในเรื่องนี้"

นายโมฮัมหมัด โรสยีดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยดิโปนีโกโร (Diponegoro University) ในอินโดนีเซีย แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า อาเซียนจำเป็นต้องชัดเจน และจะต้องไม่ยอมประนีประนอมกับรัฐบาลทหารเมียนมา เพราะนั่นจะขัดกับหลักการของอาเซียน เขามองว่า อาเซียนต้องมีความเป็นเอกฉันทน์ในวิธีการที่จะนำมาใช้ในการจัดการกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมและการเมืองในเมียนมา

(อ่านเพิ่มเติม : ผลประโยชน์ประเทศรอได้หรือ “ดอน” ย้อนถาม หลังถกอาเซียนปมเมียนมา)

ทั้งนี้ ในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา ผู้นำทหารเมียนมาถูกปฏิเสธการเข้าร่วมในการประชุมระดับสูงของสมาคมอาเซียน เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อ และไม่เริ่มการเจรจากับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองซึ่งมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลพลเรือนที่ถูกยึดอำนาจ

นายตาน สเว รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา เข้าร่วมการประชุมที่ไทยเป็นเจ้าภาพต้นสัปดาห์นี้ ขณะที่หลายชาติสมาชิกอาเซียนปฏิเสธที่จะเข้าร่วม

แต่เมื่อต้นสัปดาห์ (19 มิ.ย.) รัฐบาลไทยได้เชิญ นายตาน สเว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมา ร่วมการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของอาเซียน สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เรื่องนี้ได้ทำให้เกิดการแบ่งแยกสมาชิกอาเซียนออกเป็นสองฝ่ายท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสม และถือเป็นการกัดเซาะความพยายามของอาเซียนในการแก้ไขจัดการวิกฤตในเมียนมา

อินโดนีเซียและมาเลเซียต่างปฏิเสธเข้าร่วมการประชุม ขณะที่สิงคโปร์เตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะให้ผู้แทนรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วมการประชุมระดับสูงในอาเซียน

แต่กัมพูชายืนยันส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ขณะที่จีนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมามาโดยตลอด ส่งผู้แทนพิเศษด้านกิจการเอเชีย เติ้ง สีจุ้น มาร่วมการประชุม