จับตาบทบาทคนกลาง “สี จิ้นผิง” หาทางออกวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน

27 เม.ย. 2566 | 05:51 น.

ทำเนียบขาวขานรับ "สี จิ้นผิง" ต่อสายตรง "เซเลนสกี" หารือแผนสันติภาพยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ล่าสุดเตรียมส่งคณะผู้แทนพิเศษของจีนไปยูเครนร่วมเจรจาเชิงลึก

 

นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกา มีความยินดีต่อการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำ จีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำ ยูเครน เมื่อวันพุธ (26 เม.ย.) เกี่ยวกับแนวทาง การสร้างสันติภาพ หาทาง ยุติการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยผู้นำทั้งสองได้ใช้เวลาในการสนทนาราว 1 ชั่วโมง และตกลงว่า จีนจะส่งผู้แทนพิเศษด้านกิจการยุโรป-เอเชียไปเยือนยูเครนและประเทศอื่นๆ เพื่อการเจรจาเชิงลึกกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเร็วๆนี้

"นี่เป็นเรื่องที่ดี" นายเคอร์บีกล่าว แต่เสริมว่า ยังคงเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่า ความริเริ่มนี้จะนำไปสู่การทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน

"เราพูดมานานแล้วว่าเราต้องการให้สงครามสิ้นสุดลง ซึ่งมันเกิดขึ้นได้ถ้าปูตินสั่งทหารรัสเซียถอนตัวออกจากยูเครน แต่เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เกิดขึ้น" นายเคอร์บีกล่าวว่า สหรัฐขานรับความพยายามในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนและเชื่อถือได้ แม้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม

ทางด้านสำนักข่าว CCTV ของทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้กล่าวกับประธานาธิบดีเซเลนสกี ผู้นำยูเครน ว่าจีนสนับสนุนการเจรจาสันติภาพ และจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้มีการหยุดยิงโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ จีนจะส่งผู้แทนพิเศษไปยังยูเครนเพื่อจัดการเจรจากับทุกฝ่ายในการแก้ไขวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในเร็ววัน ซึ่งยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดชัดเจน

ประธานาธิบดีทั้งสองโทรศัพท์คุยกันเมื่อวันพุธ (26 เม.ย.) เพื่อแสวงหาโอกาสและความเป็นไปได้ในการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน

รายงานข่าวระบุว่า ปธน.สี จิ้นผิง เคยกล่าวไว้เมื่อช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า เขาพร้อมที่จะเจรจากับปธน.เซเลนสกี หลังจากที่ผู้นำยูเครนเรียกร้องให้ผู้นำจีนเดินทางเยือนกรุงเคียฟเพื่อหารือแผนสันติภาพมาสักระยะหนึ่งแล้ว และสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะโทรศัพท์คุยกันก่อนเมื่อวันพุธ (26 เม.ย.) ซึ่งนับเป็นปฏิสัมพันธ์โดยตรงครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสอง นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกรุกรานยูเครนมาตั้งแต่เดือนก.พ.2565 เป็นต้นมา ซึ่งจนถึงขณะนี้ล่วงเลยเข้าสู่ปีที่สองแล้ว

ทั้งนี้ ในการสนทนากับปธน.สี จิ้นผิง สื่อรายงานอ้างอิงคำพูดของผู้นำยูเครนว่า

  • ยูเครนยินดีที่จะเจรจาสันติภาพ ที่มีความเที่ยงธรรมและยั่งยืน
  • แต่การจะสงบศึกกับรัสเซียได้นั้น ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานการยอมรับอาณาเขตที่เป็นของยูเครนตั้งแต่ปี 1991

แต่ในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก็คือ รัสเซียได้ประกาศยึดพื้นที่ไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี 2014 และต่อมาในปี 2022 ยังทำประชามติและผนวกอีก 4 แคว้นทางภาคตะวันออกของยูเครน ได้แก่ แคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอน เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอีก

เมื่อมองถึงจุดยืนที่แตกต่างของยูเครนและรัสเซีย ในเรื่องของดินแดนที่ต่างฝ่ายกำลังพูดถึงนี้ ก็เห็นชัดว่าการเจรจาสันติภาพและยุติความขัดแย้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเห็นเกิดขึ้นในเร็ววัน

อย่างไรก็ตาม ปธน.เซเลนสกียังกล่าวให้เครดิตความพยายามของจีนในครั้งนี้ว่า ทั้งการโทรศัพท์ต่อสายตรงของปธน.สี จิ้นผิง และการแต่งตั้งนายพาฟโล เรียบิกิน เป็นเอกอัครราชยูเครนประจำกรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (26 เม.ย.) ถือเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีในแง่ความสัมพันธ์ทวิภาคีจีน-ยูเครน (ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมา ยูเครนมีเพียงอุปทูตเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดในสถานทูต ณ กรุงปักกิ่ง)