svasdssvasds
logo-pwa

เพิ่ม thansettakij

ลงในหน้าจอหลักของคุณ

ติดตั้ง
ปิด
thansettakij

ควันหลงวันเมษาหน้าโง่ April Fools' Day  “3ข่าวกุ” ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด

01 เมษายน 2566

1 เมษายน หรือวันเมษาหน้าโง่ (April Fools' Day) ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตามธรรมเนียมตะวันตกนั้น หลายคนถึงกับตั้งตาเฝ้าจับผิดว่า ตามสื่อต่างๆจะมีการนำเสนอข่าวแปลกๆที่ดูแล้วว่าน่าจะเป็นเรื่องโกหก กุเล่นหยอกๆกัน ตามธรรมเนียมของวันนี้หรือไม่ 

 

เรียกว่าเป็นธรรมเนียมกันเลยก็ได้ ว่าทุกวันที่ 1 เมษายน หรือที่ทางโลกตะวันตกเรียกกันว่า วันเมษาหน้าโง่ (April Fools' Day) บางสื่อจะนำเสนอ “ข่าวกุ” หรือ “ข่าวหยอก” แบบล้อกันเล่นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของวันเมษาหน้าโง่ หากมีการฮือฮาหรือถูกซักถามกันมาก ว่าเรื่องจริงหรือเท็จ ก็จะมีการออกมาเฉลยกันในภายหลังว่า นี่คือข่าวหลอกหยอกกันเล่นตามธรรมเนียมของวันเมษาหน้าโง่

ปีนี้ สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ได้ทำการรวบรวม “ข่าวหยอก” ที่ถูกนำเสนอในวันเมษาหน้าโง่ในอดีต ที่มีการกล่าวขวัญถึงกันมากที่สุด ซึ่งคัดสรรแล้วมีอยู่ 3 ข่าวด้วยกัน ดูแล้วก็ว่าเป็นข่าวที่ไม่น่าจะมีคนเชื่อ แต่เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อระดับ “สื่อใหญ่” นำมาเล่น ผู้อ่านก็เลยตกหลุมพราง นึกว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง จนกว่าจะมีการเฉลยออกมาว่าเป็นแค่มุกข่าวหยอก หลอกอำกันเล่นๆในวันที่ 1 เมษายนเท่านั้น

เรามาดูกันเลยว่า 3 ข่าวกุ หรือข่าวหลอกบรรลือโลก เนื่องในวันเมษาหน้าโง่ในอดีตนั้น มีข่าวอะไรกันบ้าง

1) เส้นพาสต้างอกออกมาจากต้นไม้

ธรรมเนียมการตีพิมพ์ข่าวหยอกเนื่องในวันเมษาหน้าโง่ หรือที่เรียกกันว่า April Fools' pranks ของประเทศอังกฤษนั้น ย้อนทวนอดีตไปได้ถึงศตวรรษที่ 18 ซึ่งข่าวหลอกที่ปล่อยออกมา มักจะหวังเรียกรอยยิ้ม อำกันขำๆ มากกว่าที่จะสร้างความตื่นตระหนกตกใจ บางทีก็ปล่อยออกมาวันสองวันก่อนเฉลยในภายหลัง และเรื่องหนึ่งที่มีการพูดถึงกันมากที่สุด คือข่าวที่อำเล่นโดยสื่อใหญ่อย่าง “บีบีซี” เผยแพร่เป็นรายการโทรทัศน์ชื่อรายการ “พาโนรามา” (Panorama) ออกอากาศช่วงกลางวันเมื่อวันที่ 1 เมษายนปี 1957 (พ.ศ.2500) เนื้อหากล่าวถึงเกษตรกรผู้ปลูกพาสต้าในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ข่าวระบุว่าเกษตรกรครอบครัวนี้เก็บเกี่ยวเส้นพาสต้าได้มากเป็นประวัติการณ์จาก “ต้นสปาเก็ตตี้” ซึ่งในภาพข่าวที่เผยแพร่มีการสัมภาษณ์เกษตรกรเกี่ยวกับการปลูกอย่างไรถึงจะได้เส้นพาสต้ายาวๆ และกระบวนการเพาะปลูก

รายการดังกล่าวมีผู้ชมจำนวนนับล้านๆคนทั่วประเทศอังกฤษ เนื่องจากบีบีซีเป็นสำนักข่าวใหญ่ที่สุดของประเทศ และก่อนจะมีการเผยแพร่ข่าวซึ่งมีความยาว 3 นาทีนี้ก็ไม่ได้มีการแจ้งผู้ชมแต่อย่างใดว่านี่เป็นข่าวหลอกสำหรับวันเมษาหน้าโง่  ดังนั้น ฟีดแบ็คหลังรายการออกอากาศไปคือมีผู้ชมจำนวนมากนับร้อยๆคน โทรเข้ามายังรายการเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกต้นสปาเก็ตตี้ตามที่ปรากฏในข่าว แน่นอนว่างานนี้ทางสถานีได้ออกมาเฉลยในภายหลัง

 

2) นาฬิกาบิ๊กเบนจะแสดงผลบนหน้าปัดเป็นตัวเลขดิจิทัล

สถานีโทรทัศน์บีบีซีเย้าหยอกผู้ชมด้วยข่าวเมษาหน้าโง่อีกครั้งในปี 1980 (พ.ศ.2523) คราวนี้เป็นข่าวเกี่ยวกับหอนาฬิกาบิ๊กเบน ณ พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาอังกฤษ หอนาฬิกาแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งของมหานครลอนดอน

เชื่อมั้ย? นาฬิกาบิ๊กเบนแห่งกรุงลอนดอนจะเปลี่ยนไปใช้หน้าปัดแสดงตัวเลขดิจิทัลแทนแบบเข็ม

ในเนื้อหาข่าวหลอกบอกว่า นาฬิกาบิ๊กเบนจะเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัล บอกตัวเลขเวลาบนหน้าปัดแทนเข็มนาฬิกาที่เป็นเข็มสั้นเข็มยาวแบบดั้งเดิม ข่าวนี้เผยแพร่ทางรายการวิทยุบีบีซี มีการบอกผู้ฟังให้ร่วมสนุกด้วยการบอกว่าจะแจก “เข็มนาฬิกาบิ๊กเบน” ให้แก่ผู้ฟังที่โทรเข้ามาในรายการ 4 สายแรก

ข่าวหยอกครั้งนี้ของบีบีซีทำให้หลายคนไม่พอใจ เพราะหอนาฬิกาบิ๊กเบนถือเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญ ทำให้ทางสถานีต้องออกมาแถลงการณ์ขอโทษอย่างเป็นทางการหลังได้รับเสียงตำหนิติเตียนเข้ามามาก

 

3) ข่าวโจรขโมยทองคำจากกระทรวงการคลังสหรัฐ

นี่เป็นอีกข่าวกุประจำวันเมษาหน้าโง่ที่มีการกล่าวขวัญถึงอย่างมากในอดีต โดยสามารถสร้างกระแสฮือฮาทั้งในฝั่งภูมิภาคยุโรปและอเมริกา เป็นข่าวที่ตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์แบร์ลินเนอร์ ทาเกอบลัตต์ (Berliner Tageblatt) ของประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 1905 (พ.ศ.2448) เนื้อหาข่าวระบุว่า มีกลุ่มโจรเข้าปล้นเหรียญเงินและทองคำจากอาคารกระทรวงการคลังสหรัฐในกรุงวอชิงตัน ดีซี

อาคารกระทรวงการคลังสหรัฐ

ข่าวนี้ถูกกล่าวขวัญถึงอย่างมากเพราะช่วงเวลานำเสนอประจวบเหมาะกับจังหวะที่จะมีการขนย้ายเหรียญเงินและทองคำจากวอชิงตันไปเก็บรักษาที่ฟอร์ทน็อกซ์ในรัฐเคนตั๊กกี้พอดี   

ข่าวของสื่อเยอรมันฉบับนี้ ระบุว่า พวกโจรใช้เวลาเตรียมการถึง 3 ปีในการขุดอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ใต้กระทรวงการคลัง ก่อนที่จะลงมือขโมยเหรียญเงินและทองคำคิดเป็นมูลค่ากว่า 268 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปรากฏว่าหลังตีพิมพ์ข่าวออกมา ได้เกิดกระแสฮือฮาทั่วทั้งยุโรปอย่างรวดเร็ว หลายคนเชื่อว่าตำรวจสหรัฐได้ทำการไล่ล่ากลุ่มโจรนี้ไปทั่วประเทศ ก่อนที่จะมาเฉลยกันในภายหลังว่านี่คือข่าวหลอกวันเมษาหน้าโง่และผู้เขียนก็ใช้ชื่อปลอมด้วย

 

ข้อมูลอ้างอิง