อังกฤษจ่อแบนอุปกรณ์พลาสติกกินอาหารแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ต.ค.นี้

26 ม.ค. 2566 | 18:37 น.

รัฐบาลอังกฤษจะประกาศใช้มาตรการห้ามใช้อุปกรณ์กินอาหารที่ทำจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่ว่าจะเป็น ช้อน ส้อม จาน ชาม ถาด รวมถึงก้านลูกโป่ง มีผลตุลาคม 2566 

 

ตามประกาศบนเว็บไซต์ของ รัฐบาลอังกฤษ ระบุว่า มาตรการดังกล่าวเมื่อมีผลบังคับใช้ในเดือน ต.ค. นี้ ผู้บริโภคจะไม่สามารถซื้อหรือรับ อุปกรณ์รับประทานอาหารพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single-use plastic) รวมไปถึงถาดแบบใช้ครั้งเดียว ถ้วยโพลีสไตรีน และภาชนะบรรจุอาหารบางประเภท จากร้านค้าหรือสถานบริการต่างๆ อาทิ ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ผู้จำหน่ายอาหาร หรือบริการนำอาหารกลับบ้าน ได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้ ไม่ครอบคลุมถึงพลาสติกประเภทอื่นๆ ที่ใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ของสินค้าประเภทต่างๆ โดยรัฐบาลกล่าวว่า จะใช้มาตรการอื่นจัดการกับพลาสติกกลุ่มนี้ เช่นเดียวกับอุปกรณ์รับประทานอาหารที่มาพร้อมกับอาหารสำเร็จรูป เนื่องจากลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ประกาศอยู่ใน “หลักการความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต” หรือ EPR (Extended Producer Responsibility) อยู่แล้ว

จากข้อมูลของสถาบันพลาสติก (Plastics Institute of Thailand) อธิบายถึง EPR ว่า เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ผลิตสร้างความรับผิดชอบไปยังช่วงต่างๆ ของ “วงจรชีวิตบรรจุภัณฑ์” ตั้งแต่การเริ่มต้นคิด การออกแบบผลิตภัณฑ์พลาสติก การจัดส่งกระจายสินค้า การรับคืน การเก็บรวบรวม การใช้ซํ้า จนนำมาสู่การนำกลับมาใช้ใหม่และการบำบัด เพื่อให้เกิดเป็นกระบวนการที่ยั่งยืนของผลิตภัณฑ์พลาสติก ให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และส่งผลเสียหรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด

การลด-เลิกใช้ภาชนะและอุปกรณ์รับประทานอาหารพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง คือวาระระดับโลก

 

นี่คือกระแสโลก

การห้ามใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่รัฐบาลทั่วโลกนำมาใช้เพื่อควบคุมการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง

เมื่อเดือนมี.ค. 2565 สหประชาชาติมีการร่างสนธิสัญญาพลาสติก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติพลาสติกล้นโลก โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 ซึ่งนับว่าเป็นข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่มีความตกลงปารีส (Paris agreement) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ​ เมื่อปี 2558

กระทรวงสิ่งแวดล้อมอังกฤษประมาณการว่า ในแต่ละปีชาวอังกฤษใช้จานพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง กว่า 1,100 ล้านใบ และใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารแบบใช้ครั้งเดียวราว 4,250 ล้านชิ้น หรือเฉลี่ยเท่ากับจานใช้แล้วทิ้งคนละ 20 ใบ และอุปกรณ์รับประทานอาหารแบบใช้แล้วทิ้ง 75 ชิ้นต่อคน

ที่สำคัญ คือ มีเพียง 10% เท่านั้นที่ถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล จากข้อมูลของรัฐบาลอังกฤษระบุว่า ช้อนส้อมพลาสติกเป็น 1 ใน 15 สิ่งของที่ถูกทิ้งเป็นขยะมากที่สุดในอังกฤษ

 

ไทม์ไลน์การจำกัดขยะพลาสติก

มาตรการห้ามใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มเติมขอบเขตอำนาจของกฎเกี่ยวกับพลาสติกเดิมที่มีอยู่แล้ว

  • โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 อังกฤษประกาศห้ามใช้ไมโครบีดส์ (Microbeads) ซึ่งเป็นพลาสติกจิ๋วที่มักใช้เติมลงในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ วัตถุประสงค์ของประกาศดังกล่าวเนื่องจากมีความกังวลว่า พลาสติกจิ๋วเหล่านี้จะลงไปปนเปื้อนในแหล่งนํ้าและจะทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล
  • จากนั้นในปี 2563 ก็มีการประกาศห้ามใช้หลอดพลาสติกและไม้คนเครื่องดื่มแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง รวมถึงก้านสำลี
  • ต่อมาในปี 2565 มีการเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ได้ใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 30% ในอัตรา 200 ปอนด์ต่อตัน และยกเลิกการแจกฟรีถุงพลาสติกในสถานที่ต่างๆ โดยผู้ที่ต้องการใช้ ต้องจ่ายเงินซื้อในราคาขั้นตํ่า 5 เพนนีต่อใบ และในอนาคตจะปรับราคาขั้นตํ่าขึ้นเป็น 10 เพนนีต่อใบ ซึ่งสามารถลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกได้หลายพันล้านใบต่อปี
  • การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของรัฐบาลอังกฤษเกิดขึ้นหลังจากสกอตแลนด์และเวลส์ อันเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรออกกฎหมายจำกัดการใช้อุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหารพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเมื่อปี 2565 และตามหลังสหภาพยุโรป (อียู) ที่ออกมาตรการลักษณะเดียวกันนี้มาตั้งปี 2564

ในแต่ละปีชาวอังกฤษใช้จานพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง กว่า 1,100 ล้านใบ

รีเบกกา พาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของอังกฤษกล่าวว่า การออกคำสั่งห้ามใช้พลาสติกที่จะออกมาในช่วงปลายปีนี้ เป็นเหมือนคำมั่นสัญญาว่า อังกฤษมุ่งมั่นที่จะกำจัดขยะพลาสติกที่ไม่จำเป็นต้องใช้ ให้ได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์หลายคนมองว่ามาตรการดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะใช้จัดการกับ “ปัญหาขยะพลาสติก” ที่เป็นปัญหาหลักด้านสิ่งแวดล้อมและมลพิษที่โลกกำลังเผชิญหน้าอยู่ โดยจอห์น วิดัล นักข่าวและอดีตบรรณาธิการด้านสิ่งแวดล้อมของหนังสือพิมพ์ The Guardian สื่อชั้นนำของอังกฤษ ชี้ให้เห็นว่าคำสั่งห้ามของอังกฤษนั้น จำกัดขอบเขตที่แคบเกินไป เนื่องจากไม่ครอบคลุมขวดนํ้าพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวและถุงพลาสติก อีกทั้งไม่มีมาตรการควบคุมการเผาขยะพลาสติกด้วยเตาเผาขยะด้วย

เม็ก แรนเดิลส์ นักรณรงค์ขององค์กรกรีนพีซของอังกฤษ (Greenpeace UK) ยินดีกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แต่เขามองว่า มาตรการดังกล่าวสายเกินจะแก้อะไรได้แล้ว และเป็นเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ไม่สามารถช่วยยับยั้งปัญหาขยะพลาสติกได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ อังกฤษกำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการประกาศแบนบรรจุภัณฑ์เพิ่มเติม ได้แก่

  • กระดาษชำระแบบเปียก
  • ตัวกรองยาสูบ
  • และซองขนาดเล็ก

นอกจากนี้ ยังอาจเพิ่มข้อกำหนดให้บริษัทต่างๆ ระบุวิธีกำจัดผลิตภัณฑ์พลาสติกอย่างถูกต้องบนฉลากด้วย รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมการส่งขวดบรรจุภัณฑ์กลับคืนบริษัท เป็นต้น