น่าห่วง! คาดการค้าโลกโตเฉลี่ยเพียง 2.3% ช่วง 10 ปีข้างหน้า

18 ม.ค. 2566 | 04:46 น.

 หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลเปลี่ยนขั้วการค้า นักวิเคราะห์ก็คาดว่า การค้าโลกจะมีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3% ไปจนถึงปี 2574 หรือในช่วงเกือบ 10 ปีข้างหน้า

 

บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (Boston Consulting Group) หรือ BCG ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาทางธุรกิจรายใหญ่ระดับโลกคาดการณ์ว่า ในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้ การค้าระหว่างประเทศ จะขยายตัวช้ากว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก (จีดีพีโลก) เสียอีก เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนส่งผลให้ การเป็นพันธมิตรด้านการค้า เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และยังส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของการค้าข้ามพรมแดน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยรายงานของ BCG วานนี้ (17 ม.ค.) ซึ่งระบุว่า อัตราการขยายตัวรายปีของการค้าโลกโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.3% ไปจนถึงปี 2574 เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 2.5% โดยเฉลี่ยในทุก ๆ ปีไปจนถึงปี 2574

รายงานดังกล่าวอธิบายว่า ในช่วงเวลา 10 ปีก่อนโรคโควิด-19 แพร่ระบาด การค้าระหว่างประเทศปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับอัตราการขยายตัวของ GDP ทั่วโลก แต่รายงานของ BCG คาดการณ์ว่า ระบบโลกาภิวัตน์ของการค้าโลกจะเผชิญภาวะชะงักงันที่ยืดเยื้อและรุนแรงที่สุดนับตั้งการองค์การการค้าโลก (WTO) ก่อตั้งขึ้นในช่วงกว่า 25 ปีที่ผ่านมา

ส่วนหนึ่งของรายงานระบุว่า หลังจากสภาพแวดล้อมด้านการค้าทั่วโลกมีความมั่นคงมาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ขณะนี้โลกกำลังอยู่ท่ามกลางพลวัตของสองขั้วแห่งโลกฝั่งตะวันออกและโลกฝั่งตะวันตกยุคใหม่ ซึ่งหมายถึงประชาคมที่นำโดยสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) และประชาคมที่นำโดยจีนและรัสเซีย รวมทั้งการปรากฏขึ้นของประชาคมกลุ่มที่ 3 ซึ่งหมายถึงประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด"

คาดว่า อัตราการขยายตัวรายปีของการค้าโลกโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.3% นับจากนี้ไปจนถึงปี 2574

นายนิโคลัส แลง กรรมการผู้จัดการของ BCG ซึ่งมีส่วนร่วมในการเขียนรายงานฉบับนี้ เปิดเผยว่า จะมีทั้งผู้ที่ได้เปรียบและเสียเปรียบ จากการเปลี่ยนแปลงของการค้าโลกในอีก 9 ปีข้างหน้า ดังนี้

  • สหภาพยุโรป (EU) จะทำการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น 338,000 ล้านดอลลาร์ โดยแรงผลักดันส่วนใหญ่จะมาจากการที่สหรัฐส่งออกพลังงานให้กับยุโรป นอกจากนี้ ยุโรปจะขยายการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียน แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอินเดีย
  • การค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะลดลง 63,000 ล้านดอลลาร์
  • การขยายตัวด้านการค้าระหว่าง EU และจีนจะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยจะขยายตัวเพียง 72,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง BCG มองว่าเป็นการขยายตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้
  • การค้าระหว่างรัสเซียกับจีนและอินเดียจะขยายตัว 110,000 ล้านดอลลาร์ และการค้าเฉพาะรัสเซียกับจีนนั้น จะเติบโตถึง 90,000 ล้านดอลลาร์
  • ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นกลุ่มประเทศที่ได้ประโยชน์สูงสุด โดยคาดว่าจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการทำการค้าใหม่ ๆ กับจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และอียู คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์
  • การค้าระหว่างกลุ่มอาเซียนกับจีนจะขยายตัว 438,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการขยายตัวภายในภูมิภาคที่แข็งแกร่งที่สุด