สงครามรัสเซีย-ยูเครน ย่างสู่เดือนที่ 11 แล้ว ยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่าสงครามนี้จะจบลงอย่างไร แม้จะคาดหวังให้เกิดการเจรจาสันติก็ดูเหมือนว่ายังห่างไกล หลายฝ่ายต่างออกมาประเมินและคาดการณ์ทิศทางของสงคราม ในปี 2023 โต๊ะเจรจาจะเกิดขึ้นหรือไม่ จะยืดเยื้อ หรือจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ?
เเต่ความคืบหน้าล่าสุดในสงครามครั้งนี้ สะท้อนว่ายังดำเนินต่อไป การสู้รบที่ “สมรภูมิเขตโซเลดาร์” ในเมืองบัคห์มุต แคว้นโดเนตสก์ เกิดขึ้นอย่างดุเดือด แม้ยังยังไม่มีฝ่ายไหนชัยชนะท่ามกลางสภาพอากาศหนาวติดลบ
กระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุว่า กลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์น่าจะสามารถยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตโซเลดาร์ได้แล้วหลังการสู้รบยาวนาน 4 วัน โดยมุ่งเน้นโจมตีที่ทางเข้าอุโมงค์ความยาวประมาณ 200 กม. ซึ่งปัจจุบันไม่ใช้งานแล้ว
คำถามที่น่าสนใจก็คือ “สมรภูมิเขตโซเลดาร์” ในเมืองบัคห์มุต แคว้นโดเนตสก์ สำคัญอย่างไรในสงครามรัสเซีย- ยูเครน ?
เมืองโซเลดาร์ เคยมีประชากรราว 10,000 คน ก่อนเกิดสงคราม อยู่ใกล้เมืองบัคห์มุต เป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่กำลังมีการต่อสู้อย่างดุเดือด โดย แวกเนอร์ หรือ “เหล่านักรบเงา” หน่วยปฏิบัติการลับของกองทัพรัเสซีย มีชื่อว่า Wagner Group อ้างว่าสามารถเข้ายึดครองเหมือง เมืองโซเลดาร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเหมืองเกลือ ทางตะวันออกของประเทศยูเครน และเป็นเหมืองเกลือใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป
ขณะที่ความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในพื้นที่รอบบัคห์มุต สามารถจัดวางกองกำลังไว้ที่ความลึก 80-100 ม. สามารถให้รถถังและพาหนะอื่นๆ ของกองทัพวิ่งได้อย่างอิสระ
ชัยชนะในเขตโซเลดาร์สำคัญ อย่างไร
นักวิเคราะห์มองว่า จะช่วยฟื้นขวัญกำลังใจให้ทหารรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อในการโน้มน้าวชาวรัสเซียให้หันมาสนับสนุนการระดมพล ที่สำคัญการยึดครองเขตโซเลดาร์ได้อาจปูทางไปสู่การยึดครองแคว้นโดเนตสก์จากยูเครนได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รายงานจากสื่อต่างประเทศ ระบุว่า นาโต้และสหภาพยุโรป ประกาศสนับสนุนด้านการทหารเพิ่มให้แก่ยูเครนทำสงครามกับรัสเซียที่กินเวลานานเกือบหนึ่งปี รวมถึงจัดหายุทโธปกรณ์และระบบป้องกันทางอากาศที่ทันสมัยให้ยูเครนอีกด้วย