เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส3 โตแรงเกินคาดที่ 2.6%

28 ต.ค. 2565 | 01:29 น.

เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัว 2.6% ในไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากที่หดตัวมาตลอดครึ่งปีแรก ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงต่อเนื่อง

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวานนี้ (27 ต.ค.) ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพีของสหรัฐ ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2565 หรือ ไตรมาส3 ของปีนี้ มีการขยายตัว 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และยังได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานอเมริกัน ที่ช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

 

นับเป็นครั้งแรกในรอบปี ที่จีดีพีรายไตรมาสของสหรัฐมีการขยายตัว เนื่องจากจีดีพีสหรัฐในไตรมาสแรกหดตัว 1.6% และจากนั้นในไตรมาส 2 ยังหดตัว 0.6% จนทำให้เกิดความกังวลว่าสหรัฐกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วหรือไม่ ก่อนที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส3) จะออกมาหยุดความกังวลดังกล่าวได้ในระยะหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตาม ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่สดใสนัก

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวเตือนว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะส่งผลกระทบในรูปของอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น

 

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เหตุที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและพลังงานต่อไป นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อรับมือภาวะเงินเฟ้อในประเทศ และการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่ออีกในสัปดาห์หน้า และอีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้ ยังอาจเป็นปัจจัยสกัดกั้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ โดย นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ได้กล่าวเตือนว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะส่งผลกระทบในรูปของอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นและเศรษฐกิจถดถอยที่อาจจะตามมา

 

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า การเปิดเผยตัวเลขจีดีพีสหรัฐในไตรมาสล่าสุดนี้ซึ่งมีการขยายตัวมากเกินกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ (จีดีพีไตรมาส3 ขยายตัว 2.6% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะโตเพียง 2.3%) เกิดขึ้นในจังหวะที่ชาวอเมริกันมีความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อและความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตอันใกล้

 

นอกจากนี้ ความแข็งแรงทางเศรษฐกิจยังเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันให้ความสนใจเพื่อการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งกลางเทอมที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ และการเลือกตั้งดังกล่าวจะเป็นการชี้ชะตาอนาคตพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าจะยังสามารถครองเสียงข้างมากในสภาได้ต่อไปหรือไม่

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีการเปิดเผยโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) พบว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%
  

ทั้งนี้ นักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันนี้ (28 ต.ค.) ซึ่งดัชนี PCE เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ