ธนาคารโลกชี้จุดอ่อนประเทศไทย รายได้เหลื่อมล้ำมากสุดในเอเชียตอ.-แปซิฟิก

25 ต.ค. 2565 | 05:00 น.

เวิลด์แบงก์เตือนแล้ว ประชาชนในพื้นที่ชนบทของไทยเสี่ยงเผชิญความยากจนมากขึ้น ขณะที่ช่องว่าง-ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ระหว่างคนชนบทและคนเมืองถ่างกว้างมากสุดในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ออกรายงานเตือนว่า การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบที่ยาวนานต่อ "พื้นที่ชนบท" ของไทย โดยพื้นที่ชนบทดังกล่าวมีคนยากจนอาศัยอยู่สูงมากถึง 79% ของจำนวนคนยากจนทั้งประเทศ


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารโลกได้ออกรายงานที่ชื่อว่า "Rural Income Diagnostic" เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (21 ต.ค.) เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า ในขณะที่ไทยมีความคืบหน้าในการลดความยากจนลงสู่ระดับ 6.8% ในปี 2563 จากระดับสูงถึง 58% ในปี 2533 แต่อัตราความยากจนของไทยในขณะนี้ กำลังสะท้อนถึง:

  • ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
  • ภาวะชะงักงันของรายได้ด้านการเกษตรและการทำธุรกิจ และ
  • วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

    ธนาคารโลกออกรายงาน "Rural Income Diagnostic" เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา    

ในปี 2563 อัตราความยากจนในพื้นที่ชนบทของไทยอยู่ในระดับสูงกว่าพื้นที่เขตเมืองมากกว่า 3% และจำนวนคนยากจนในพื้นที่ชนบทมีมากกว่าคนยากจนในพื้นที่เขตเมืองเกือบ 2.3 ล้านคน


นอกจากนี้ การกระจายตัวของความยากจนยังแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค โดยอัตราความยากจนในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น มีสัดส่วนเกือบ 2 เท่าของอัตราความยากจนทั่วประเทศ

 

รายงานของเวิลด์แบงก์ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราความไม่เท่าเทียมกันด้านรายได้สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก โดยภาคครัวเรือนในพื้นที่ชนบทนั้นมีรายได้โดยเฉลี่ยต่อเดือนเพียง 68% ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของภาคครัวเรือนในพื้นที่เขตเมือง

 

นอกจากนี้ ภาคครัวเรือนในพื้นที่ชนบทยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาด้อยการศึกษา มีผู้ที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูจำนวนมาก และสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก


อย่างไรก็ดี นายฟาบริซิโอ ซาร์โคเน ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อภาพรวมของไทย โดยกล่าวว่า

 

"ประเทศไทยมีศักยภาพในการสนับสนุนรายได้ภาคครัวเรือนในพื้นที่ชนบทให้เติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน มาตรการด้านนโยบายที่ช่วยเพิ่มผลิตผลด้านการเกษตร, สนับสนุนการกระจายพืชผลให้มีมูลค่าที่สูงขึ้น และปรับปรุงการเข้าถึงตลาดผ่านทางการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถเชื่อมโยงพื้นที่ชนบทได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ไทยสามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่บรรดาคนยากจนในพื้นที่ชนบทเผชิญอยู่ไปได้"