รู้จัก “จอร์เจีย เมโลนี” ว่าที่นายกฯหญิงคนแรกของอิตาลี

27 ก.ย. 2565 | 01:06 น.

ชัยชนะจากการเลือกตั้งทั่วไปของ "จอร์เจีย เมโลนี" ผู้นำพรรคภราดรแห่งอิตาลี เมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) ไม่เพียงจะทำให้เธอได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอิตาลี แต่เธอยังจะได้เป็นผู้นำจากพรรค "ขวาจัด" คนแรกนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้ขึ้นจัดตั้งรัฐบาล

ผลเลือกตั้งทั่วไปของอิตาลี เมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) เป็นไปตามคาด โดย นางจอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni) ผู้สมัครจาก พรรคภราดรแห่งอิตาลี (Brothers of Italy) หรือพรรค FdI  (จากชื่อพรรคภาษาอิตาเลียน Fratelli d'Italia) มีคะแนนนิยมนำโด่ง กวาดคะแนนไป 26% และเอาชนะคู่แข่งอีก 4 คน เธอจะเป็น “นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก” ของประเทศ ตามกระบวนการในสภาอีกหลายสัปดาห์ต่อจากนี้

 

ชัยชนะของจอร์เจีย เมโลนี ยังจะทำให้เธอเป็นผู้นำจากพรรคขวาจัดคนแรกนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้ขึ้นจัดตั้งรัฐบาล ถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางที่ชัดเจนสำหรับอิตาลี และทำให้สหภาพยุโรป (อียู) เกิดความกังวลไม่น้อย เนื่องจากนโยบายที่จะเปลี่ยนไปขณะที่ปัญหาทางเศรษฐกิจของอิตาลี ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอียู ก็มีรุมเร้าไม่ต่างจากหลายประเทศในแถบยุโรป นั่นคือ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ผลกระทบจากสงครามในยูเครน และปัญหาวิกฤตพลังงาน

 

อิตาลีเป็นประเทศล่าสุดในอียู ที่พรรคนิยมขวาจัดซึ่งมีแนวความคิดต่อต้านอียู ได้ขึ้นมามีอำนาจในการจัดตั้งรัฐบาล โดยก่อนหน้านี้ ภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์พรรคขวาจัดของสวีเดนก็เพิ่งชนะการเลือกตั้งมาสดๆร้อนๆ

หญิงแกร่ง และเก่ง จอร์เจีย เมโลนี สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในแวดวงการเมืองอิตาลี

การเลือกตั้งครั้งพลิกประวัติศาสตร์ของอิตาลีเกิดขึ้นหลังการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายมาริโอ ดรากี เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ชาวอิตาเลียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุตั้งแต่ 18 ปี ทั้งในประเทศและต่างประเทศมีจำนวนราว 51 ล้านคน สถิติชี้ว่า ครั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง “ครั้งแรก” ในประเทศมีราว 2.6 ล้าน และนอกประเทศราว 4.7 ล้านคน

 

สำหรับประวัติของ จอร์เจีย เมโลนี ว่าที่ผู้นำหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของอิตาลีนั้น เธอเกิดที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2520 ปัจจุบันอายุ 45 ปี พ่อของเธอมาจากเกาะซาร์ดิเนีย ส่วนแม่ของเธอมาจากซิซิลี ชีวิตครอบครัวไม่ราบรื่นนักเมื่อพ่อจากไปขณะที่เธอมีอายุเพียง 11 ปี

 

ในปี 2535 เมื่ออายุได้ 15 ปี เมโลนีเข้าร่วม Youth Front ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนของขบวนการสังคมอิตาลีเชิงอนุรักษ์นิยมแห่งชาติ(MSI) จากนั้นในปี 2547 เธอได้เป็นประธานฝ่ายเยาวชนคนหนุ่มสาวของ Youth Action ซึ่งเป็นกลุ่มพลังคนหนุ่มสาวอนุรักษ์นิยมขวาจัด และในช่วงเวลานี้เอง ที่เมโลนีได้เป็นหัวหน้ากลุ่ม "บุตรแห่งอิตาลี" นิยมขวาสุด ซึ่งมีรากฐานจากแนวคิดของ “เบนิโต มุสโสลินี” เผด็จการฟาสซิสต์ของอิตาลี

จอร์เจีย เมโลนี ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอิตาลี

ในปี 2549 เมโลนีเคยเป็นรองประธานหอการค้าอิตาลี และยังเคยทำงานเป็นนักข่าวในช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนจะเข้าสู่แวดวงการเมืองอย่างเต็มตัว  

 

เธอเป็นหญิงแกร่งที่ก่อตั้งพรรคเล็กๆ จนก้าวขึ้นมาได้รับความนิยมในแถวหน้าโดยไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใด ๆ ทางการเมือง ประโยคหนึ่งที่โด่งดังของเธอคือ “ฉันเป็นผู้หญิง และฉันเป็นแม่” หญิงแกร่งคนนี้ เคยลงสมัครผู้ว่าการกรุงโรมขณะตั้งครรภ์ 7 เดือน หลังจากมีคนปรามาสว่าเธอทำไม่ได้

 

พรรคภราดรแห่งอิตาลี ( Brothers of Italy) ของเธอเป็นพรรคการเมืองแนวขวาจัดสายนีโอฟาสซิสม์ หัวหน้าพรรคหญิงแกร่งคนนี้ เคยปฏิเสธการเข้าร่วมรัฐบาลเหมือนพรรคฝ่ายขวาอื่นๆ มาแล้ว ด้วยเหตุผลเพื่อจะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างแข็งขัน

 

ในปี 2551 เมโลนีได้เป็นรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในอิตาลีขณะอายุ 31 ปี เวลานั้น แม้เมื่อได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว (เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนโยบายเยาวชนในรัฐบาลของนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี) เมโลนียังใช้ชีวิตสมถะโดยอาศัยอยู่ที่บ้านกับแม่ ปฏิเสธการใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งพร้อมคนขับ และเลือกที่จะขับรถส่วนตัวไปรัฐสภาแทน

 

แม้ว่าขณะทำการหาเสียงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เมโลนีจะสนับสนุนการคว่ำบาตรรัสเซียที่บุกเข้ารุกรานยูเครน แต่เธอก็ยังคงยึดถือสโลแกนเก่าๆ ซึ่งกลุ่มฟาสซิสต์ของจอมเผด็จการของอิตาลีอย่าง เบนิโต มุสโสลินี เคยใช้ เช่น “พระเจ้า ครอบครัว และปิตุภูมิ” (God, family, fatherland) แนวคิดของเธออาจจะดูแข็งกร้าวและตรงไปตรงมา เธอเคยพูดต่อต้านกลุ่มเพศทางเลือก (LGBT) และยังเคยเรียกร้องให้มีการปิดล้อมทางทะเลประเทศลิเบีย เพื่อสกัดกั้นการอพยพผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เมโลนีชื่นชอบอ่านนวนิยายแนวแฟนตาซี นิสัยนี้ทำให้เธอได้วิธีการอ่านผู้คน เข้าใจวิถีสู่ด้านมืด และมุมมองที่ว่า “พลังอำนาจ” นั้น เป็นสิ่งอันตราย

 

นิสัยส่วนตัวที่น่าสนใจคือ ว่าที่ผู้นำหญิงของอิตาลีคนนี้ ชื่นชอบการอ่านหนังสือนิยายแนวแฟนตาซีอย่างมาก อาทิ The Lord of the Rings ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ไปจนถึง The Never Ending Story ที่ประพันธ์โดยมิชาเอล เอ็นเด ชาวเยอรมัน เมโลนีนำชื่อตัวละครที่ประทับใจมาตั้งชื่อการประชุมทางการเมืองที่เธอจัด เคยมีผู้กล่าวว่า ผู้ที่นิยมฝ่ายขวามักเป็นผู้ปลูกฝังแนวคิดแฟนตาซี แต่สำหรับเมโลนี เธอมองว่า การอ่านแนวนี้ ทำให้เธอได้วิธีการอ่านผู้คน เข้าใจวิถีสู่ด้านมืด และมุมมองที่ว่า “พลังอำนาจ” นั้น อันตรายและเป็นศัตรูมากกว่าเป็นมิตร

 

แม้อิตาลีกำลังจะได้ผู้นำคนใหม่เป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ แต่เมโลนีก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มนักรณรงค์ด้านสิทธิสตรีเช่นกัน

 

จอร์เจีย เซรูเกตตี ผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญาการเมือง จากมหาวิทยาลัยบิกอกกา (Bicocca University) ในกรุงมิลาน ตั้งข้อสังเกตว่า แนวทางขวาจัดของเมโลนีอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของผู้หญิง เช่น สิทธิในการทำแท้ง รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่จะจำกัดสิทธิของผู้หญิง

 

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมโลนีเคยให้สัมภาษณ์ว่า เธอจะไม่เปลี่ยนแปลงกฎหมายการทำแท้ง แต่เธอต้องการเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับ “การป้องกัน” ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่มีแนวโน้มว่าองค์กรต่อต้านการทำแท้งอาจมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในคลินิกวางแผนครอบครัว และแพทย์อาจหลีกเลี่ยงการทำแท้งมากขึ้นภายใต้การบริหารประเทศของเธอ ขณะนี้แพทย์เพียง 33% ทำแท้งอย่างถูกกฎหมายในอิตาลี และในบางภูมิภาคอยู่ในสัดส่วนต่ำกว่านั้น หรือราว 10%

 

ภารกิจท้าทายที่กำลังรออยู่ คือ ประเด็นทางเศรษฐกิจซึ่งน่าจะเป็นโจทย์ใหญ่สุด จุดแข็งของรัฐบาลใหม่น่าจะเป็นการที่กฎหมายเลือกตั้งของอิตาลีเอื้ออำนวยให้พรรคการเมืองที่มีคะแนนเสียงสูงสุด จัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งที่ผ่านมาพรรคร่วมที่มีแนวทางอนุรักษนิยม หรือฝ่ายขวา มักรวมตัวกันได้ดี แตกต่างจากพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายที่มักคิดเห็นขัดแย้งและกระจัดกระจายกันมากกว่า

 

เมื่อได้ขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว เมโลนีต้องการให้ทบทวนโครงการการปฏิรูปในสมัยรัฐบาลชุดก่อนอีกครั้งเนื่องจากวิกฤติด้านพลังงานทำให้อิตาลีได้รับแรงกดดันด้านงบประมาณมากขึ้น ทั้งนี้ เท่าที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลนายดรากี เข้าต้องการผลักดันการปฏิรูปซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้อิตาลีได้รับเงินช่วยเหลือและกู้ยืมเพื่อการฟื้นฟูหลังโควิด-19 (วงเงินราว  200,000 ล้านยูโร) จากสหภาพยุโรป

 

เมโลนียังพูดถึงการปกป้องผลประโยชน์ของอิตาลีให้มากยิ่งขึ้นในสหภาพยุโรปด้วย

 

รายงานข่าวระบุว่า แม้จะทราบผลคะแนนอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม แต่คงต้องใช้เวลาอีกประมาณเดือนครึ่งกว่าจะตั้งรัฐบาลใหม่ได้สำเร็จ โดยภายในกลางเดือนตุลาคม สมาชิกสภานิติบัญญัติจะลงคะแนนเลือกตั้งประธานรัฐสภา จากนั้นประธานาธิบดีเซอร์โจ มัตตาเรลลา จะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ  จากนั้น นายกฯคนใหม่จะเป็นผู้เสนอรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่ต้องได้รับการยืนยันจากประธานาธิบดีและได้รับอนุมัติจากรัฐสภาผ่านการลงคะแนน

 

ดังนั้น ชาวอิตาลีจะได้รัฐบาลใหม่ราวกลางเดือนพ.ย. 2565