พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อม 2 รองนายกฯ ออกเดินทางแล้วเช้านี้ (11 พ.ค.) เพื่อไปร่วม การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค. เป้าหมายเพื่อผลักดันความร่วมมือในภูมิภาค แต่ประเด็นดังกล่าวนับว่ามีความอ่อนไหวและอาจกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับจีน เรื่องนี้ “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” อดีตรัฐมนตรีคลัง ให้ความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala และส่งเสียงติงเตือนมาเป็นระยะ ๆแล้ว ครั้งนี้ยิ่งต้องฟังและใคร่ครวญให้ดี
อย่าชักศึกเข้าบ้าน
ผมไม่ได้นิยมจีนเป็นพิเศษ หรือนิยมสหรัฐเป็นพิเศษ แต่ผมเน้นผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก
ประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้กับจีน จะยกหนีไปไหนไม่ได้ จะยกไปแอบอิงสหรัฐไม่ได้ และในด้านการค้าขายกับจีน ก็มีแต่จะโตขึ้นทุกวัน
บางคนกังวลว่าไทยคบจีนเสียเปรียบเพราะค้าขายขาดดุล
สินค้ายอดนิยมจากจีนเป็น consumer products เสื้อผ้าแฟชั่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และมือถือ เครื่องไฟฟ้า สินค้าแม่และเด็ก และของใช้รถยนต์
ถ้าไทยนำเข้าจากสหรัฐ/ยุโรปแทน ก็คงแก้ปัญหาขาดดุลกับจีนได้ แต่ไม่นานกระเป๋าจะฉีกขาดโหว่ เพราะราคาสินค้าแพงกว่ามากมาย
ไทยจึงต้องแก้ขาดดุลกับจีน ด้วยการพัฒนาสินค้ายอดนิยมแก่คนจีน หาประโยชน์จากกลุ่มผู้ซื้อขนาด 1,400 ล้านคนให้จงได้
ส่วนที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐนั้น ก็อย่าเพิ่งไปดีใจ เพราะไทยพลาดโอกาสด้าน services อีกมาก โดยเฉพาะรายได้โฆษณาในโซเชียลมีเดีย
อย่างไรก็ดี ผมไม่ได้เสนอให้เลือกระหว่างการค้ากับจีนและสหรัฐ แต่เตือนว่าพลเอกประยุทธ์ต้องเดินระหว่างเขาควาย ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
นอกจากนี้ ที่ตั้งภูมิศาสตร์ของไทย ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาการค้าในภูมิภาคได้มากขึ้นอีกด้วย
เพราะประเทศไทยตั้งอยู่ตรงสี่แยกสุวรรณภูมิ มีจีนอยู่ทิศเหนือ มีอินเดียอยู่ทิศตะวันตก ประชากรสองพันกว่าล้านคนนี้ นับวันจะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ามากขึ้น
สองพันกว่าล้านคนนี้ นับวันจะมีฐานะดีขึ้น จะมีกำลังซื้อสูงขึ้น จะต้องการสินค้าคุณภาพสูงขึ้น จะต้องมีสินค้าให้เลือกหลากหลายมากขึ้น จะเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายสิบปี
แต่นับเวลามาหลายพันปี สองประเทศนี้ไม่สามารถส่งสินค้าหากันข้ามเทือกเขาหิมาลัยที่สูงสุดในโลกได้เลย และก็จะไม่มีวันทำได้ด้วย
และการที่มีแนวพรมแดนยาวร่วมกัน ทำให้เกิดการระหองระแหงอยู่เนืองๆ
ดังนั้น ประเทศไทยที่มีคนทั้งสองเชื้อชาติ จึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางได้ เชื่อมการค้าผ่านสี่แยกได้
นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังต้องซื้อวัตถุดิบและน้ำมันจากแอฟริกาตะวันออกอีกมาก ซึ่งไทยสามารถเชื่อมการค้าผ่านสี่แยกได้อีกด้วย
โดยพัฒนาท่าเรือน้ำลึกที่ระนอง แล้วเชื่อมรถไฟความเร็วสูงไปที่จีน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาเพิ่มมูลค่าแก่วัตถุดิบในไทย
สรุปแล้ว ไม่มีประเทศใดที่สามารถทำตัวเป็นห้องแถวคุมสี่แยกสุวรรณภูมิได้ดีเท่ากับไทย
และจุดศูนย์กลางการค้าขายระดับทองคำนี้ จะสามารถเอื้อประโยชน์ให้แก่คนไทยไปได้อีกนับร้อย ๆ ปี
เป็น competitive advantage ทางภูมิศาสตร์ที่ธรรมชาติให้มา เทียบได้กับจุดพักคาราวานอูฐ caravanserai ที่เฟื่องฟูตามเส้นทางสายไหมพันปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี โอกาสการค้าขายในภูมิภาค จะมลายหายไป ถ้าไทยไปเหยียบหัวแม่เท้าของจีน ไม่ว่าโดยตนเอง หรือโดยตกหลุมของสหรัฐ
รูป 1 กต.กล่าว 2 ประเด็น ประเด็นที่หนึ่ง ไทยดำเนินนโยบายต่างประเทศยึดสมดุลอยู่แล้ว
ผมจึงขอถามว่า การที่พลเอกประยุทธ์บุ่มบ่ามลดตัวลงไปลงนามร่วมกับ รมว.กลาโหมสหรัฐในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย ในแถลงการณ์ด้านการทหารของสองประเทศ …
แต่กล่าวพาดพิงไปถึงอินโด-แปซิฟิก และการเชื้อเชิญประเทศอื่นที่มีจุดยืนคล้ายกัน ตลอดจนบทบาทของอาเซียนนั้น …
เกินเลยไปจากความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสองประเทศ ใช่หรือไม่?
มีประเทศอาเซียนอื่นที่ทำแถลงการณ์ทำนองนี้ หรือไม่? ประเทศใด?
ประเด็นที่สอง กต.กล่าวว่า เรื่อง นาโต้-2 เป็นแค่จินตนาการ!!!
ผมขอแสดงข้อมูลว่า ถ้าเป็นจินตนาการ ก็เป็นจินตนาการที่มีนัยสำคัญต่อการเมืองระหว่างประเทศ
ซึ่งถ้า กต.ไทยยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของจินตนาการนี้ ก็เป็นการทำหน้าที่รับใช้ประเทศที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์
รูป 2 บุคคลที่แถลงข่าวระดับนานาชาติ ที่แสดงจินตนาการกังวลเรื่องนาโต้เอเซีย คือ รมว.กต.จีน นายหวังยี
คนนี้ไม่ใช่นักวิเคราะห์โซเชียลมีเดียทั่วไปนะครับ
รูป 3 เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2565 บอริส จอห์นสัน นายกฯ อังกฤษระบุว่า ถึงเวลาที่นาโต้จะขยายขอบเขตไปทั่วโลก
คนนี้ก็ไม่ใช่ผู้นำประเทศกระจอกทั่วไปนะครับ
รูป 4 เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2565 ลิซ ทรัส รมว.กต.อังกฤษ ก็ระบุว่า ถึงเวลาที่นาโต้จะขยายบทบาทไปปกป้องใต้หวัน
NATO ย่อมาจาก North Atlantic Treaty Organization ซึ่งหมายถึงพื้นที่เฉพาะมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ แต่กำลังจะขยายบทบาทไปทั่วโลก
คนนี้ก็ไม่ใช่รมว.กต.ประเทศกระจอกทั่วไปนะครับ
รูป 5 เกาหลีใต้เป็นประเทศเอเซียประเทศแรกที่เข้าร่วมกิจกรรมนาโต้อย่างเป็นทางการ โดยเข้าร่วมกลุ่มป้องกันด้านไซเบอร์
รูป 6 กลุ่มนี้เรียกว่า Nato Cooporative Cyber Defense Center of Excellence ตั้งอยู่ที่เอสโตเนียในยุโรป นอกจากสมาชิกนาโต้ 27 ประเทศแล้ว ขณะนี้มีประเทศนอกอีก 5 ประเทศ
เป็นการแสดงการรุกคืบของนาโต้เข้าไปในเอเซีย ทีละคืบ ทีละคืบ
รูป 7 ในการประชุมระดับซัมมิตนาโต้ระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย. 2565 ปรากฏว่านาโต้ได้เชิญผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้เข้าร่วม
ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้คนนี้ ได้ประกาศนโยบายชัดเจนว่าจะกลับไปจับมือแน่นแฟ้นกับสหรัฐเหมือนในอดีตหลายสิบปีก่อน
อธิบายแบบชาวบ้าน คือกลับไปยุคสงครามเย็นนั่นเอง แต่เปลี่ยนตัวคู่ต่อสู้กับตะวันตก จากสหภาพโซเวียต ไปเป็นจีน
ถามว่า การเดินหมากเชื่อมโยงไปที่นาโต้ตานี้ของเกาหลี เป็นจินตนาการดังที่ กต.ไทยบรรยาย หรือไม่?
ต้องดู รูป 8 ทันทีที่สำนักข่าวยอนหับของเกาหลีใต้ทวิตข้อความ เผยแพร่ข่าวเรื่องเกาหลีใต้ไปร่วมกิจกรรมกับนาโต้ด้านสงครามไซเบอร์ …
นายหู ซีจิน ซึ่งเป็นตัวแทนขององค์กรข่าวที่เป็นแขนขาของรัฐบาลจีน ก็ทวิตตอบโต้ …
เขาเตือนว่า การที่เกาหลีใต้เลือกเดินถนนสายที่เป็นปรปักษ์กับเพื่อนบ้านอย่างนี้ จุดหมายปลายทางของถนนสายนี้ อาจจะเป็นเหมือนยูเครน!!!
นี่ไม่ใช่จินตนาการของคนในโซเชียลมีเดียทั่วไปอย่างแน่นอน
รูป 9 รมช.กต.จีน นายลี ยูเชง ก็ออกมากล่าวสำทับเกาหลีใต้ เตือนเรื่องอนาคตจะเป็นเหมือนยูเครน
และอ่านระหว่างบรรทัดได้ชัดแจ้งว่า จีนมองว่าต้นตอของปัญหาเกิดจากยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐ
สรุปแล้ว พลเอกประยุทธ์ที่เดินทางไปร่วมประชุมกับไบเดน ควรพิจารณาหาทางวางภาพพจน์ท่าทีของไทยเตรียมเอาไว้ โดยควรจะแถลงข่าวของอาเซียนหรือของไทย ว่าพร้อมจะสนับสนุนแนวทางของสหรัฐ ถ้าหากไม่กีดกันประเทศใดประเทศหนึ่ง และไม่เป็นการกีดกันทางการค้า
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ