จาก "ธีระชัย" ถึง "ประยุทธ์"... อย่าชักศึกเข้าบ้าน!

11 พ.ค. 2565 | 03:06 น.

เสียงติงเตือนดัง ๆจากอดีตรัฐมนตรีคลัง "ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล" ถึงนายกรัฐมนตรี "...โอกาสการค้าขายในภูมิภาค จะมลายหายไป ถ้าไทยไปเหยียบหัวแม่เท้าของจีน ไม่ว่าโดยตนเอง หรือโดยตกหลุมของสหรัฐ..."

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อม 2 รองนายกฯ ออกเดินทางแล้วเช้านี้ (11 พ.ค.) เพื่อไปร่วม การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค. เป้าหมายเพื่อผลักดันความร่วมมือในภูมิภาค แต่ประเด็นดังกล่าวนับว่ามีความอ่อนไหวและอาจกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับจีน เรื่องนี้ “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” อดีตรัฐมนตรีคลัง ให้ความเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala และส่งเสียงติงเตือนมาเป็นระยะ ๆแล้ว ครั้งนี้ยิ่งต้องฟังและใคร่ครวญให้ดี   

 

อย่าชักศึกเข้าบ้าน

ผมไม่ได้นิยมจีนเป็นพิเศษ หรือนิยมสหรัฐเป็นพิเศษ แต่ผมเน้นผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก

 

ประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้กับจีน จะยกหนีไปไหนไม่ได้ จะยกไปแอบอิงสหรัฐไม่ได้ และในด้านการค้าขายกับจีน ก็มีแต่จะโตขึ้นทุกวัน

 

บางคนกังวลว่าไทยคบจีนเสียเปรียบเพราะค้าขายขาดดุล

 

สินค้ายอดนิยมจากจีนเป็น consumer products เสื้อผ้าแฟชั่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และมือถือ เครื่องไฟฟ้า สินค้าแม่และเด็ก และของใช้รถยนต์

 

ถ้าไทยนำเข้าจากสหรัฐ/ยุโรปแทน ก็คงแก้ปัญหาขาดดุลกับจีนได้ แต่ไม่นานกระเป๋าจะฉีกขาดโหว่ เพราะราคาสินค้าแพงกว่ามากมาย

 

ไทยจึงต้องแก้ขาดดุลกับจีน ด้วยการพัฒนาสินค้ายอดนิยมแก่คนจีน หาประโยชน์จากกลุ่มผู้ซื้อขนาด 1,400 ล้านคนให้จงได้

 

ส่วนที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐนั้น ก็อย่าเพิ่งไปดีใจ เพราะไทยพลาดโอกาสด้าน services อีกมาก โดยเฉพาะรายได้โฆษณาในโซเชียลมีเดีย

อย่างไรก็ดี ผมไม่ได้เสนอให้เลือกระหว่างการค้ากับจีนและสหรัฐ แต่เตือนว่าพลเอกประยุทธ์ต้องเดินระหว่างเขาควาย ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง

 

นอกจากนี้ ที่ตั้งภูมิศาสตร์ของไทย ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาการค้าในภูมิภาคได้มากขึ้นอีกด้วย

 

เพราะประเทศไทยตั้งอยู่ตรงสี่แยกสุวรรณภูมิ มีจีนอยู่ทิศเหนือ มีอินเดียอยู่ทิศตะวันตก ประชากรสองพันกว่าล้านคนนี้ นับวันจะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ามากขึ้น

 

สองพันกว่าล้านคนนี้ นับวันจะมีฐานะดีขึ้น จะมีกำลังซื้อสูงขึ้น จะต้องการสินค้าคุณภาพสูงขึ้น จะต้องมีสินค้าให้เลือกหลากหลายมากขึ้น จะเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายสิบปี

 

แต่นับเวลามาหลายพันปี สองประเทศนี้ไม่สามารถส่งสินค้าหากันข้ามเทือกเขาหิมาลัยที่สูงสุดในโลกได้เลย และก็จะไม่มีวันทำได้ด้วย

 

และการที่มีแนวพรมแดนยาวร่วมกัน ทำให้เกิดการระหองระแหงอยู่เนืองๆ

 

ดังนั้น ประเทศไทยที่มีคนทั้งสองเชื้อชาติ จึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางได้ เชื่อมการค้าผ่านสี่แยกได้

 

นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังต้องซื้อวัตถุดิบและน้ำมันจากแอฟริกาตะวันออกอีกมาก ซึ่งไทยสามารถเชื่อมการค้าผ่านสี่แยกได้อีกด้วย

 

โดยพัฒนาท่าเรือน้ำลึกที่ระนอง แล้วเชื่อมรถไฟความเร็วสูงไปที่จีน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาเพิ่มมูลค่าแก่วัตถุดิบในไทย

 

สรุปแล้ว ไม่มีประเทศใดที่สามารถทำตัวเป็นห้องแถวคุมสี่แยกสุวรรณภูมิได้ดีเท่ากับไทย

และจุดศูนย์กลางการค้าขายระดับทองคำนี้ จะสามารถเอื้อประโยชน์ให้แก่คนไทยไปได้อีกนับร้อย ๆ ปี

 

เป็น competitive advantage ทางภูมิศาสตร์ที่ธรรมชาติให้มา เทียบได้กับจุดพักคาราวานอูฐ caravanserai ที่เฟื่องฟูตามเส้นทางสายไหมพันปีที่แล้ว

 

อย่างไรก็ดี โอกาสการค้าขายในภูมิภาค จะมลายหายไป ถ้าไทยไปเหยียบหัวแม่เท้าของจีน ไม่ว่าโดยตนเอง หรือโดยตกหลุมของสหรัฐ

 

รูป 1 กต.กล่าว 2 ประเด็น ประเด็นที่หนึ่ง ไทยดำเนินนโยบายต่างประเทศยึดสมดุลอยู่แล้ว

รูป 1 กต.กล่าว 2 ประเด็น

ผมจึงขอถามว่า การที่พลเอกประยุทธ์บุ่มบ่ามลดตัวลงไปลงนามร่วมกับ รมว.กลาโหมสหรัฐในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย ในแถลงการณ์ด้านการทหารของสองประเทศ …

 

แต่กล่าวพาดพิงไปถึงอินโด-แปซิฟิก และการเชื้อเชิญประเทศอื่นที่มีจุดยืนคล้ายกัน ตลอดจนบทบาทของอาเซียนนั้น …

 

เกินเลยไปจากความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสองประเทศ ใช่หรือไม่?

 

มีประเทศอาเซียนอื่นที่ทำแถลงการณ์ทำนองนี้ หรือไม่? ประเทศใด?

 

ประเด็นที่สอง กต.กล่าวว่า เรื่อง นาโต้-2 เป็นแค่จินตนาการ!!!

 

ผมขอแสดงข้อมูลว่า ถ้าเป็นจินตนาการ ก็เป็นจินตนาการที่มีนัยสำคัญต่อการเมืองระหว่างประเทศ

 

ซึ่งถ้า กต.ไทยยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของจินตนาการนี้ ก็เป็นการทำหน้าที่รับใช้ประเทศที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์

 

รูป 2 บุคคลที่แถลงข่าวระดับนานาชาติ ที่แสดงจินตนาการกังวลเรื่องนาโต้เอเซีย คือ รมว.กต.จีน นายหวังยี

คนนี้ไม่ใช่นักวิเคราะห์โซเชียลมีเดียทั่วไปนะครับ

รูป 2 ข่าวนายหวัง ยี รมว.ต่างประเทศจีน

รูป 3 เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2565 บอริส จอห์นสัน นายกฯ อังกฤษระบุว่า ถึงเวลาที่นาโต้จะขยายขอบเขตไปทั่วโลก

คนนี้ก็ไม่ใช่ผู้นำประเทศกระจอกทั่วไปนะครับ

รูป 3 นายกฯอังกฤษพูดถึงการขยายขอบเขตนาโต

รูป 4 เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2565 ลิซ ทรัส รมว.กต.อังกฤษ ก็ระบุว่า ถึงเวลาที่นาโต้จะขยายบทบาทไปปกป้องใต้หวัน

NATO ย่อมาจาก North Atlantic Treaty Organization ซึ่งหมายถึงพื้นที่เฉพาะมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ แต่กำลังจะขยายบทบาทไปทั่วโลก

คนนี้ก็ไม่ใช่รมว.กต.ประเทศกระจอกทั่วไปนะครับ

รูป 4 ข่าว รมว.กต.อังกฤษ

รูป 5 เกาหลีใต้เป็นประเทศเอเซียประเทศแรกที่เข้าร่วมกิจกรรมนาโต้อย่างเป็นทางการ โดยเข้าร่วมกลุ่มป้องกันด้านไซเบอร์

รูป 5 เกาหลีใต้เป็นประเทศแรกของเอเซียที่เข้าร่วมกิจกรรมนาโต

รูป 6 กลุ่มนี้เรียกว่า Nato Cooporative Cyber Defense Center of Excellence ตั้งอยู่ที่เอสโตเนียในยุโรป นอกจากสมาชิกนาโต้ 27 ประเทศแล้ว ขณะนี้มีประเทศนอกอีก 5 ประเทศ

เป็นการแสดงการรุกคืบของนาโต้เข้าไปในเอเซีย ทีละคืบ ทีละคืบ

รูป 6 กลุ่ม Nato Cooporative Cyber Defense Center of Excellence ตั้งอยู่ที่ประเทศเอสโตเนีย

รูป 7 ในการประชุมระดับซัมมิตนาโต้ระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย. 2565 ปรากฏว่านาโต้ได้เชิญผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้เข้าร่วม

ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้คนนี้ ได้ประกาศนโยบายชัดเจนว่าจะกลับไปจับมือแน่นแฟ้นกับสหรัฐเหมือนในอดีตหลายสิบปีก่อน

อธิบายแบบชาวบ้าน คือกลับไปยุคสงครามเย็นนั่นเอง แต่เปลี่ยนตัวคู่ต่อสู้กับตะวันตก จากสหภาพโซเวียต ไปเป็นจีน

รูป 7 นาโตเชิญผู้นำคนใหม่เกาหลีใต้เข้าร่วมการประชุมระดับซัมมิตนาโต้ (29-30 มิ.ย. 65)

 

ถามว่า การเดินหมากเชื่อมโยงไปที่นาโต้ตานี้ของเกาหลี เป็นจินตนาการดังที่ กต.ไทยบรรยาย หรือไม่?

ต้องดู รูป 8 ทันทีที่สำนักข่าวยอนหับของเกาหลีใต้ทวิตข้อความ เผยแพร่ข่าวเรื่องเกาหลีใต้ไปร่วมกิจกรรมกับนาโต้ด้านสงครามไซเบอร์ …

นายหู ซีจิน ซึ่งเป็นตัวแทนขององค์กรข่าวที่เป็นแขนขาของรัฐบาลจีน ก็ทวิตตอบโต้ …

เขาเตือนว่า การที่เกาหลีใต้เลือกเดินถนนสายที่เป็นปรปักษ์กับเพื่อนบ้านอย่างนี้ จุดหมายปลายทางของถนนสายนี้ อาจจะเป็นเหมือนยูเครน!!!

รูป 8 ปฏิกริยาตอบโต้ของจีน

 

นี่ไม่ใช่จินตนาการของคนในโซเชียลมีเดียทั่วไปอย่างแน่นอน

 

รูป 9 รมช.กต.จีน นายลี ยูเชง ก็ออกมากล่าวสำทับเกาหลีใต้ เตือนเรื่องอนาคตจะเป็นเหมือนยูเครน

และอ่านระหว่างบรรทัดได้ชัดแจ้งว่า จีนมองว่าต้นตอของปัญหาเกิดจากยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐ

รูป 9 รมช.กต.จีน นายลี ยูเชง ก็ออกมากล่าวสำทับเกาหลีใต้

 

สรุปแล้ว พลเอกประยุทธ์ที่เดินทางไปร่วมประชุมกับไบเดน ควรพิจารณาหาทางวางภาพพจน์ท่าทีของไทยเตรียมเอาไว้ โดยควรจะแถลงข่าวของอาเซียนหรือของไทย ว่าพร้อมจะสนับสนุนแนวทางของสหรัฐ ถ้าหากไม่กีดกันประเทศใดประเทศหนึ่ง และไม่เป็นการกีดกันทางการค้า

 

(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)

หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ