อินโดฯเผยประชากรกว่า 99% มีแอนติบอดีเชื้อโควิดแล้ว

21 เม.ย. 2565 | 01:08 น.

อินโดนีเซียซึ่งมีประชากรมากกว่า 270 ล้านคน เปิดเผยว่าขณะนี้มากกว่า 99% ของประชากร มีภูมิต้านทานโรคโควิด-19 แล้ว ทั้งจากการฉีดวัคซีนป้องกันและจากการเป็นผู้ป่วยติดเชื้อมาก่อน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลรวมทั้งการเสียชีวิต

นายบูดี กูนาดี ซาดิกิน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เผยว่าประชากรอินโดนีเซียเกือบทั้งหมด หรือมากกว่า 99% มี แอนติบอดี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากการฉีดวัคซีน การติดเชื้อไวรัสโรคโควิด หรือจากทั้งสองอย่าง

 

การสำรวจทางวิทยาเซรุ่มโดยกระทรวงฯ และคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย พบประชากร 99.2% มีแอนติบอดีโรคโควิด-19 ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 88.6% ซึ่งเป็นสถิติของเมื่อเดือนธันวาคมปี 2564

 

ซาดิกินแถลงข่าวว่า แอนติบอดีจะจัดการเชื้อไวรัสฯ ที่บุกโจมตีร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และช่วยลดความเสี่ยงของการที่ผู้ติดเชื้อจะต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตด้วย

 

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียได้ทำการสำรวจดังกล่าวก่อนที่จะมีการเดินทางกลับบ้านครั้งใหญ่ประจำปีใน เทศกาลอีดิลฟิตรี (Eid al-Fitr) หรือ “มูดิก” (mudik) ในอินโดนีเซีย โดยทางกระทรวงคมนาคมระบุว่าชาวอินโดนีเซียมากถึง 79.4 ล้านคน มีแผนเดินทางออกจากเมืองใหญ่กลับไปเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ที่บ้านเกิด

สถิติผู้ติดเชื้อโควิดสะสมของอินโดนีเซีย (ณ 20 เม.ย.65) อยู่ที่ 6,042,010 ราย เป็นอันดับสองของอาซียน รองจากเวียดนาม

ปัจจุบัน ประชาชนอินโดนีเซียที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบสองโดสแล้วมีจำนวนรวม 162,879,095 คน เมื่อนับถึงวันจันทร์ (18 เม.ย.) ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนโดสที่สามแล้วมีจำนวน 31,348,872 คน

 

ส่วนสถิติผู้ติดเชื้อโควิดสะสมทั้งประเทศนั้นอยู่ที่ 6,042,010 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รองจากเวียดนาม

 

กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (20 เม.ย.) มีจำนวน 741 ราย โดยการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ลุกลามไปทั่วทั้ง 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย

ส่วนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ (ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา) มีจำนวน 37 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ระดับ 155,974 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในอาเซียน