“วอร์เรน บัฟเฟตต์” เผย Big Four ธุรกิจห่านทองคำ 4 ตัวของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์

28 ก.พ. 2565 | 03:47 น.

นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักธุรกิจและนักลงทุนชาวอเมริกัน ซีอีโอของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) เขียนจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเบิร์กเชียร์ฯ ประจำปี 2021 เมื่อวานนี้ (7 ก.พ.) ระบุถึง 4 ธุรกิจ Big Four ที่เปรียบประดุจห่านทองคำ ทำกำไรให้บริษัทช่วงขวบปีที่ผ่านมา

ในจดหมายที่มีถึงผู้ถือหุ้น บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) เผยแพร่เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและนักลงทุนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกเปิดเผยว่า กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 อยู่ที่ 7,285 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 45% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (2020) ที่ทำได้ 5,021 ล้านดอลลาร์ จากการที่ธุรกิจประกันรถไฟและสาธารณูปโภคกลับมาทำกำไรได้ดีขึ้น

วอร์เรน บัฟเฟตต์ 

นอกจากนี้บริษัทได้ซื้อหุ้นคืนสูงถึง 6,900 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ทำให้ยอดรวมในการซื้อหุ้นคืนปี 2021 สูงถึง 27,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ หุ้นเบิร์กเชียร์ฯ สามารถสร้างผลตอบแทนต่อปีตั้งแต่ปี 1965 ถึงสิ้นปี 2021 ที่ 20.1% ต่อปี ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ทำได้เพียง 10.5% เท่านั้น ถ้าเทียบผลตอบแทนรวมสำหรับการลงทุน 57 ปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 3,641,613% ในขณะที่ S&P 500 อยู่ที่เพียง 30,209%

คราวนี้เรามาดู “ยักษ์ 4 ตัว” (Big Four) หรือ ธุรกิจห่านทองคำ ที่ช่วยสร้างความรุ่งเรืองและผลกำไรให้กับเบิร์กเชียร์ฯ มีอะไรบ้าง ดังนี้ 

 

  • ตัวแรก คือ ธุรกิจประกัน โดยทางเบิร์กเชียร์ฯ เป็นเจ้าของทั้ง 100% ธุรกิจกลุ่มนี้สร้างสภาพคล่องด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่เก็บมาจากผู้ทำประกันแล้วสามารถนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนต่อเพื่อสร้างผลตอบแทนได้อย่างดีเยี่ยม
  • ตัวที่สอง ก็คือลูกรักอย่าง หุ้นแอปเปิล(Apple) วอร์เรนบอกว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ถือหุ้นต้องเข้าใจว่าเงินปันผลจากแอปเปิลแสดงอยู่ในรายงานทางบัญชีแบบ GAAP เท่านั้น ใครที่ดูงบแบบ Non-GAAP ที่ไม่หักพวกค่าใช้จ่ายครั้งเดียว จะไม่เจอเงินก้อนนี้ โดยปีที่แล้วเงินดังกล่าวสูงถึง 785 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว แต่ถ้าดูจำนวนหุ้นที่เบิร์กเชียร์ฯ ถืออยู่ 5.5% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของแอปเปิลแล้ว กำไรที่สร้างได้จากแอปเปิลจะอยู่ที่ประมาณ 5,600 ล้าน ซึ่งกำไรของแอปเปิลก็นำมาซื้อหุ้นคืนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่วอร์เรนปรบมือให้
  • ตัวที่สาม คือ ธุรกิจรถไฟขนส่ง BNSF ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของลูกค้า ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดการขนส่งสินค้าของคนอเมริกันและเป็นสินทรัพย์ที่ขาดไม่ได้สำหรับประเทศนี้ ถ้าไม่มีธุรกิจ BNSF แล้ว สภาพอากาศในอเมริกาคงจะแย่กว่านี้มาก เพราะจะมีมลภาวะจำนวนมากที่ปล่อยออกมาจากรถยนต์และรถบรรทุกขนส่งสินค้า เพื่อให้เห็นภาพปีที่ผ่านมา ธุรกิจรถไฟของ BNSF เดินทางขนส่งสินค้าทั้งหมด 143 ล้านไมล์และขนส่งสินค้ากว่า 535 ล้านตัน ทิ้งห่างผู้ให้บริการรายอื่นอย่างไม่เห็นฝุ่น
  • ตัวสุดท้าย คือ ธุรกิจพลังงาน BHE ที่สร้างกำไรเป็นสถิติใหม่ที่ 4,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 30 เท่าจากกำไรเพียง 122 ล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า (2000) ซึ่งเป็นปีที่เบิร์กเชียร์ฯ ซื้อธุรกิจพลังงานนี้เข้ามา ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 91.1%

เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์

สรุปพอร์ตของเบิร์กเชียร์ฯที่ลงทุนในหุ้น ต้นทุนทั้งหมด 104,605 ล้านดอลลาร์ แต่ตอนนี้มูลค่าตลาดอยู่ที่ทั้งหมด 350,719 ล้านดอลลาร์ โดยหุ้นตัวที่กำไรจำนวนเงินมากที่สุดคือหุ้นแอปเปิล กำไรอยู่ 130,000 ล้านดอลลาร์ จากเงินลงทุนแค่ 31,089 ล้านดอลลาร์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนี้ในพอร์ตถือหุ้นแอปเปิลมูลค่าสูงสุด ตามมาด้วยอเมริกัน เอ็กซ์เพรส (American Express) และโคคา-โคล่า (The Coca-Cola)

 

วอร์เรนเชื่อว่าเบิร์กเชียร์ฯ มีการบริหารจัดการและธรรมาภิบาลที่ดี ถูกต้องตามกฎหมาย จริงๆแล้วมีบริษัทประกันหลายๆแห่งที่มีโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจและมีอนาคตสดใส แต่คงไม่มีเจ้าไหนที่จะสามารถลอกเลียนแบบการบริหารจัดการแบบเบิร์กเชียร์ฯได้

 

วอร์เรนกล่าวว่า ธุรกิจประกันถูกสร้างมาเพื่อเบิร์กเชียร์ฯ สินค้าของธุรกิจนี้ไม่มีวันที่จะล้าสมัย ยอดขายจะค่อยๆเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับการเติบโตของธุรกิจและเงินเฟ้อ “ความซื่อตรงและเงินทุน” เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับธุรกิจนี้

 

สุดท้ายเรื่องเงินสดของเบิร์กเชียร์ฯ ที่รวมการลงทุนระยะสั้นในพันธบัตรด้วย ตอนนี้มีสูงถึง 144,000 ล้านดอลลาร์  วอร์เรนต้องการให้เบิร์กเชียร์ฯ มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ล้มยาก โดยเงินสดทั้งหมดนี้ มีจำนวนมากถึง 120,000 ล้านดอลลาร์ที่ถือบอนด์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ถึงกำหนดชำระน้อยกว่าหนึ่งปี ยอดถือพันธบัตรทั้งหมดนี้คิดเป็น 0.5% ของยอดพันธบัตรทั้งหมดของสหรัฐ วอร์เรนกล่าวในจดหมายที่มีถึงผู้ถือหุ้นว่า เขาจะคอยบริหารกระแสเงินสดของเบิร์กเชียร์ฯ ให้ไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อทำให้บริษัทมีความมั่นคงและไม่ต้องพึ่งพานายทุนรายอื่นๆในช่วงที่เกิดวิกฤต

 

วอร์เรนกล่าวในท้ายที่สุดว่า ทั้งเขาและชาร์ลี มังเกอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานเบิร์กเชียร์ฯ ทั้งสองคนต้องการนอนหลับฝันดี และก็ต้องการให้คนที่เป็นเจ้าหนี้ คนที่ทำประกัน และผู้ถือหุ้นของเบิร์กเชียร์ฯ นอนหลับฝันดีเช่นกัน

 

ข้อมูลอ้างอิง

Read Warren Buffett’s annual letter to Berkshire Hathaway shareholders