สถานะแย่ลง ไทยครองอันดับ 110 ในดัชนีคอรัปชั่นโลก

รายงาน Corruption Perceptions Index หรือ CPI ของหน่วยงาน Transparency International จัดอันดับประเทศและดินแดนต่างๆ 180 แห่งทั่วโลกจากระดับความรู้สึกเกี่ยวกับหรือการมองปัญหาคอร์รัปชั่นในภาครัฐของแต่ละประเทศโดยอาศัยข้อมูลจากแหล่งภายนอก 13 แหล่ง ซึ่งรวมทั้งจากธนาคารโลก จาก World Economic Forum จากบริษัทที่ปรึกษาและประเมินความเสี่ยง รวมทั้งจากหน่วยงานคลังสมอง เป็นต้น

การให้คะแนนเริ่มตั้งแต่ศูนย์ (0) ซึ่งหมายถึงมีปัญหาคอร์รัปชั่นในระดับสูง ไปจนถึงคะแนน 100 ซึ่งสะท้อนถึงความใสสะอาดในการทำงานของระบบการบริหารภาครัฐ และคะแนนดังกล่าวก็เป็นเครื่องสะท้อนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งจากผู้ประกอบธุรกิจด้วย (ตัวเลขคะแนนยิ่งต่ำ แสดงว่ายิ่งมีปัญหาคอรัปชั่นมาก) 

สำนักข่าววีโอเอ (Voice of America) สื่อใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า Transparency International พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาคะแนนเฉลี่ยของเรื่องนี้ในระดับโลกอยู่ที่ 43 จาก 100 โดยไม่เปลี่ยนแปลง และมีประเทศถึงราว 2 ใน 3 ที่อยู่ในการสำรวจซึ่งได้คะแนนต่ำกว่า 50 จาก 100 คะแนนด้วย

สำหรับประเทศซึ่งได้คะแนนสูงสุดในแง่ความใสสะอาดปราศจากปัญหาคอร์รัปชั่น (มีตัวเลขคะแนนสูง) เมื่อปี 2021 (พ.ศ.2564) คือ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และ นิวซีแลนด์ ที่ 88 คะแนน โดยทั้ง 3 ประเทศนี้อยู่ในกลุ่ม 10% แรกของประเทศที่มี “เสรีภาพพลเมือง” อยู่ในระดับสูงด้วย

ส่วน 3 ประเทศที่ติดอันดับรั้งท้าย (ได้ตัวเลขคะแนนต่ำ) ในแง่เสรีภาพของพลเมือง คือซีเรียที่ได้ 13 คะแนนจาก 100 รวมทั้งโซมาเลียกับเซาท์ซูดานซึ่งก็ได้ 13 กับ 11 คะแนนตามลำดับ

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่ปี 2012 (พ.ศ. 2555) เป็นต้นมามี 23 ประเทศที่ได้คะแนนจากดัชนี CPI นี้ลดลง และในกลุ่ม 23 ประเทศดังกล่าวก็มี 3 ประเทศซึ่งเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐอเมริกาด้วย โดยสหรัฐซึ่งได้คะแนนลดลงมาอยู่ที่ 67 จาก 100 คะแนน ไม่ติดอยู่ในกลุ่ม 25 ประเทศแรกที่ได้คะแนนสูงสุดอีกต่อไป

Transparency International พบว่าประเทศที่มีการละเมิดสิทธิพลเมืองอยู่เป็นประจำมักจะมีคะแนนดัชนี CPI ในระดับต่ำ และการละเลยเพิกเฉยเรื่องการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นจะทำให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากขึ้นรวมทั้งยังบั่นทอนประชาธิปไตยเป็นผลให้เกิดวงจรที่ชั่วร้ายตามมา และเมื่อสิทธิกับเสรีภาพของประชาชนถูกลิดรอนและความเป็นประชาธิปไตยลดน้อยถอยลง แนวคิดแบบผู้เผด็จการที่ใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จก็จะเข้าครอบงำทำให้เกิดปัญหาคอร์รัปชั่นในระดับสูงมากขึ้นไปอีก

สำหรับ ประเทศไทย นั้น Transparency International พบว่าไทยอยู่ในกลุ่ม 27 ประเทศที่ได้คะแนน CPI ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในเชิงเปรียบเทียบเมื่อปี 2012 เป็นต้นมา โดยในกลุ่ม 27 ประเทศที่ได้คะแนนต่ำนี้ ประเทศไทยได้คะแนนจากดัชนี Corruption Perceptions Index ที่ 35 (จากคะแนนเต็ม 100) และถูกจัดอยู่ที่อันดับ 110 จาก 180 ประเทศซึ่งมีการสำรวจในแง่ปัญหาคอร์รัปชั่นในภาครัฐ นับเป็นสถานะด้านการคอร์รัปชั่นที่ย่ำแย่ลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (2563) ที่ไทยได้ 36 คะแนน และอยู่ในอันดับที่ 104 ของโลก  

ส่วน ฟิลิปปินส์ ก็ติดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกันด้วยคะแนน 33 จาก 100 คะแนนหรืออยู่อันดับที่ 117 รวมทั้งยังมีประเทศอื่นๆ ซึ่งพัฒนาแล้ว เช่น ออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดา อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย

แต่หากเทียบกับประเทศอื่น ๆใน กลุ่มอาเซียน ไทยอยู่ในอันดับที่ 6 โดยประเทศที่มีปัญหาคอร์รัปชั่นน้อยที่สุดในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ ได้คะแนน 85 คะแนน (ตัวเลขยิ่งสูงยิ่งโปร่งใส ไร้คอร์รัปชั่น) ตามมาด้วย

• มาเลเซีย 48 คะแนน
• ติมอร์-เลสเต 41 คะแนน
• เวียดนาม 39 คะแนน
• อินโดนีเซีย 38 คะแนน
• ไทย 35 คะแนน
• ฟิลิปปินส์ 33 คะแนน
• ลาว 30 คะแนน
• เมียนมา 28 คะแนน
• กัมพูชา 23 คะแนน
• ส่วนบรูไน ไม่ได้มีการระบุข้อมูลคะแนนของปี 2564 (ดังภาพประกอบ)

ผลการวิเคราะห์ล่าสุดของ Transparency International บ่งชี้ว่าการปกป้องสิทธิมนุษยชนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น เพราะประเทศที่มีการคุ้มครองสิทธิพลเมืองเป็นอย่างดีมักจะได้คะแนนค่อนข้างสูงในดัชนี CPI ซึ่งชี้วัดถึงความใสสะอาด ในขณะที่ประเทศซึ่งไม่เคารพสิทธิพลเมืองนั้นก็มักจะได้คะแนนเกี่ยวกับการปลอดปัญหาคอร์รัปชั่นอยู่ในระดับต่ำเช่นกัน

ที่มา VOA/ Transparency.org