วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนระอุ สหรัฐสั่งจนท.ทูตอพยพ-จ่อส่งกำลังทหารเข้าคุมเชิง

24 ม.ค. 2565 | 12:10 น.

สื่อสหรัฐเผยปธน.โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกำลังพิจารณาส่งทหารหลายพันนาย กองเรือ และฝูงเครื่องบินรบไปประจำการในยุโรปตะวันออก เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์และพร้อมปฏิบัติหน้าที่หากรัสเซียบุกยูเครน ขณะที่กต.สหรัฐเตือนเจ้าหน้าที่ทูตและครอบครัวในกรุงเคียฟ อพยพออกทันที

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ยืนยันอีกครั้งวานนี้ (23 ม.ค.) ว่า หาก รัสเซียบุกยูเครน สหรัฐจะร่วมมือกับพันธมิตรและหุ้นส่วนด้านความมั่นคงใช้มาตรการตอบโต้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนอาจประกาศการตัดสินใจในสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับการพิจารณาเสริมกำลังทหารในยุโรปตะวันออกและทะเลบอลติก ในขณะที่รัสเซียมีกำลังทหารกว่า 1 แสนนายและยุทโธปกรณ์ใกล้ชายแดนยูเครน ทั้งยังมีกำลังพลที่ประจำการอยู่ในเบลารุส

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน

ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้ออกคำสั่งให้สมาชิกครอบครัวเจ้าหน้าที่ทูตที่ปฏิบัติงานในสถานทูตอเมริกันประจำกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน อพยพออกมาในทันที ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ไม่จำเป็นก็สามารถเดินทางออกมาได้โดยรัฐบาลจะออกค่าใช้จ่ายให้ หลังมีความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซียที่เข้าประชิดชายแดนยูเครนทำให้บรรยากาศบริเวณชายแดนทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังออกคำแนะนำให้พลเมืองอเมริกันที่อยู่ในยูเครนหาลู่ทางเดินทางออกนอกประเทศดังกล่าวตั้งแต่วันนี้ เนื่องจากกระทรวงฯ ได้รับรายงานว่า รัสเซียกำลังวางแผนใช้กำลังทหารกับยูเครน สถานการณ์จึงเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาและอาจย่ำแย่ลงโดยไร้สัญญาณเตือน

 

นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (23 ม.ค.) ว่า วอชิงตันมีแนวโน้มพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ เพื่อยับยั้งความก้าวร้าวของมอสโกที่มีต่อยูเครน จากความหวั่นวิตกที่ว่า รัสเซียอาจใช้กองกำลังเข้าบุกยึดฝั่งตะวันตกของยูเครนเช่นเดียวกับที่เคยบุกยึดไครเมียมาแล้วเมื่อปี 2014 (พ.ศ.2557)

 

สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า คณะที่ปรึกษาของประธานาธิบดีได้เสนอแผนทางเลือกรับมือกรณีรัสเซียรุกรานยุโรปตะวันออกในการรายงานสรุปแก่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผ่านการประชุมที่แคมป์เดวิด ในรัฐแมรีแลนด์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ในการประชุมดังกล่าว มีนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม และพลเอกมาร์ก ไมล์ลีย์  ประธานเสนาธิการทหารร่วมเข้าร่วมด้วยผ่านระบบวิดีโอทางไกล นอกจากนี้ ยังมีนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และนายสตีฟ ริชเชตติ ที่ปรึกษาประธานาธิบดีเข้าร่วมหารือที่แคมป์เดวิดด้วยตัวเอง

สำหรับหัวข้อการหารือครั้งนี้ มีทั้งประเด็นการเสริมกำลังทหาร และสรุปข่าวกรองล่าสุดเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกองกำลังรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครน และผลการเจรจากับชาติพันธมิตรสหรัฐเรื่องแผนรับมือหากรัสเซียบุกยูเครน

 

สหรัฐส่งมอบอาวุธให้กองทัพยูเครน

หนึ่งในทางเลือกที่เสนอให้ปธน.ไบเดนพิจารณา คือ การส่งทหารสหรัฐ 3,000-5,000 นายไปเสริมกำลังในยุโรปตะวันออกและประเทศในแถบทะเลบอลติก เช่น โรมาเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และเอสโตเนีย และประสานงานให้ประเทศในภูมิภาคดังกล่าว ช่วยเหลือในการอพยพพลเมืองชาวอเมริกันหากจำเป็น นอกจากนี้ ยังอาจส่งเรือของกองทัพสหรัฐไปแวะเทียบท่าในชาติพันธมิตรของนาโต ที่อาจรู้สึกว่าถูกคุกคาม

 

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ผู้นำสหรัฐอาจประกาศการตัดสินใจภายในสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับการพิจารณาเสริมกำลังทหารในยุโรปตะวันออกและทะเลบอลติกดังกล่าว ขณะที่รัสเซียมีกำลังทหารกว่า 1 แสนนายและมีการติดตั้งยุทโธปกรณ์ใกล้ชายแดนยูเครน และยังมีทหารรัสเซียประจำการในเบลารุส

 

สื่อระบุว่า จนถึงขณะนี้ การใช้กำลังทหารยังไม่ใช่ทางเลือกที่มีการพิจารณา รวมถึงการส่งทหารอเมริกันไปยูเครน โดยปธน.ไบเดนยืนยันชัดเจนก่อนหน้านี้ว่าจะไม่นำสหรัฐเข้าสู่สงครามอีก หลังจากเพิ่งถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานท่ามกลางความยุ่งเหยิงเพื่อปิดฉากสงครามที่มีมายาวนาน 20 ปี อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง ๆนี้ แม้วอชิงตันจะระบุว่า การคว่ำบาตรรัสเซียตั้งแต่ตอนนี้ อาจเป็นการเร็วเกินไป แต่นายบลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐก็ยืนยันว่า หากกองทัพรัสเซียเดินหน้ารุกรานข้ามพรมแดนยูเครนแม้เพียงนิดเดียว วอชิงตันพร้อมตอบโต้ด้วยความ “หนักแน่นและรวดเร็ว” ในทันที

ภาพถ่ายทางอากาศกองกำลังของรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครน

ด้าน องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต (NATO) นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ นาโต ได้ออกมาเปิดเผยวันนี้ ( 24 ม.ค.) ว่า พันธมิตรของนาโต กำลังส่งเครื่องบินรบ และเรือรบเข้าเสริมกำลังในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ในช่วงเวลาที่กำลังเกิดความตึงเครียดบริเวณชายแดนยูเครน โดยหลายฝ่ายห่วงกังวลว่ารัสเซียจะนำกำลังบุกเข้าประเทศยูเครนและจะกลายเป็นชนวนสงครามขึ้นได้

 

“ผมยินดีที่พันธมิตรมีส่วนเริ่มในการเสริมกำลังกับนาโต” สโตลเทนเบิร์ก ระบุ และว่า “นาโตจะดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อปกป้องพันธมิตรทั้งหลาย ซึ่งรวมไปถึงการเสริมกำลังในทางตะวันออกของเรา”

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ถึงแม้ยูเครนจะไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต แต่เพื่อนบ้านของยูเครนอย่าง “โปแลนด์” นั้นเป็นชาติสมาชิกนาโต การเคลื่อนไหวของนาโตและชาติพันธมิตรภายในพรมแดนของชาติสมาชิกจึงสามารถทำได้ แม้จะยิ่งสร้างความไม่พอใจให้รัสเซีย โดยนายอันเดร คาร์ตาโปลอฟ ประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมของสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในวันนี้เช่นกันว่า รัสเซียจะตอบโต้อย่างเหมาะสม หากสหรัฐอเมริกาเสริมกำลังเข้ามาในยุโรปตะวันออก และกลุ่มประเทศในแถบทะเลบอลติก

 

รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษรวมทั้งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศอพยพเจ้าหน้าที่การทูตออกจากสถานเอกอัครราชทูตในกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เนื่องจากหวั่นเกรงว่าอาจจะเกิดสงครามขึ้นได้หากรัสเซียนำกำลังบุกเข้าสู่ประเทศยูเครน แม้ว่ารัสเซียจะปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่มีแผนการจะบุกยูเครนก็ตาม

 

ทั้งนี้ วิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนระอุหนักขึ้นหลังจากที่รัสเซียส่งทหารกว่าแสนนายประจำการตามแนวชายแดนติดกับยูเครน สร้างความหวั่นวิตกว่ารัสเซียจะบุกโจมตียูเครนในเร็ววัน เช่นที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ในกรณีผนวกดินแดนไครเมียที่เคยเป็นของยูเครนเข้ามาอยู่ใต้อาณัติของรัสเซียได้สำเร็จในปี 2014

 

ด้านยูเครนเองก็พร้อมรบ โดยนายโอเลกซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกลาโหมของยูเครน เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆนี้ว่า  ยูเครนเพิ่งได้รับมอบอาวุธน้ำหนักรวมกว่า 80 ตันจากสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือด้านการป้องกันตนเองมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอาวุธดังกล่าวรวมถึงกระสุนปืน ซึ่งเป็นอาวุธชุดที่ 2 ที่ยูเครนได้รับมา

 

ท่าทีของชาติสมาชิกอื่น ๆ ของนาโต

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถ้อยแถลงของนายโดมินิก ร้าบ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษเมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) ว่า รัสเซียจะเผชิญกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงแน่ หากคิดจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดขึ้นในยูเครน

โดมินิก ร้าบ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ

ถ้อยแถลงของนายร้าบมีขึ้นหลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษกล่าวหาว่า รัสเซียกำลังพยายามจัดตั้งผู้นำที่มีแนวคิดสนับสนุนรัสเซียขึ้นในยูเครน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัสเซียยังได้ติดต่อกับอดีตนักการเมืองยูเครนจำนวนหนึ่ง โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบุกยูเครน

 

อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของอังกฤษเรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่า ข้อกล่าวหาของอังกฤษเป็นข้อมูลเท็จ

 

ด้านนางคริสติน แลมเบรท รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนี เปิดเผยว่า เยอรมนีปฏิเสธที่จะส่งมอบอาวุธให้กับยูเครนเพื่อใช้ต่อสู้กับรัสเซียในตอนนี้ แต่ก็พร้อมจะให้ความสนับสนุนในรูปโรงพยาบาลสนามที่สมบูรณ์พร้อมกับการฝึกอบรมที่จำเป็นในเดือนก.พ. โดยเยอรมนีจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 5.3 ล้านยูโร (6.01 ล้านดอลลาร์) พร้อมยืนยันว่า เยอรมนีได้ให้การรักษาทหารชาวยูเครนที่บาดเจ็บจำนวนมากในโรงพยาบาลทหารของเยอรมนีมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว 

 

"เราเชื่อว่าอาวุธที่ทรงพลังที่สุด คือการที่พันธมิตรของนาโต ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และกลุ่ม G7 บอกกับรัสเซียอย่างชัดเจนว่า ทุก ๆ การกระทำที่ก้าวร้าวจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงตามมา" รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีกล่าว และยืนกรานว่า ณ เวลานี้ สิ่งที่ต้องทำคือการลดความตึงเครียดของสถานการณ์ และเยอรมนีมองว่าการส่งมอบอาวุธให้ยูเครนในตอนนี้ ยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด