“โอมิครอนน่ากลัวกว่าที่คิด” นายกฯญี่ปุ่นจ่อปิดประเทศยาวถึงสิ้นกุมภา

17 ม.ค. 2565 | 08:32 น.

นายกฯญี่ปุ่นแถลงต่อรัฐสภา ขอความร่วมมือประชาชนร่วมต่อสู้โควิดไปด้วยกัน นายกฯเองลั่นดับเครื่องชน ขออุทิศตนสกัดโอมิครอนซึ่ง "น่ากลัวกว่าที่คาดคิดไว้"

สำนักข่าวเกียวโดรายงานวันนี้ (17 ม.ค.)ว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศอุทิศตนเพื่อสกัดโควิด-19 ใน ญี่ปุ่น ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นจาก สายพันธุ์โอมิครอน ที่แพร่ระบาดได้ไว โดยขอให้ประชาชนร่วมมือกันเอาชนะโควิดที่เห็นชัดแล้วว่า "น่ากลัว" มากกว่าที่คิด

 

นายคิชิดะกล่าวสุนทรพจน์ด้านนโยบายเป็นครั้งแรกเมื่อเริ่มเปิดการประชุมสภาไดเอทสมัยสามัญ 150 วัน โดยเขามุ่งคลายความวิตกของประชาชนเกี่ยวกับประเด็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยให้สัญญาว่าจะแจกจ่ายวัคซีนเข็มบูสเตอร์ หรือวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เร็วขึ้น พร้อมจัดฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในกลุ่มเด็กเล็ก และจัดให้มีบริการรักษาพยาบาลที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยหนัก ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อกำลังพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด

นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

นอกเหนือจากโควิด-19 แล้ว นายคิชิดะยังตั้งเป้าหมายบรรลุ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ในฐานะตัวขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่น พร้อมเผยแผนการสร้าง "ชุมชนปลอดมลพิษ" ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ นโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนหมายถึง การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ซึ่งเป้าหมายของโลกกำหนดให้ทำได้ภายในปีค.ศ. 2050 ซึ่งเป็นการลดการปล่อยก๊าซตามแผนยุทธศาสตร์ของแต่ละประเทศ

 

นอกจากนี้ นายคิชิดะจะผลักดันทุนนิยมรูปแบบใหม่โดยย้ำถึงความสำคัญของการกระจายความมั่งคั่ง โดยเฉพาะผ่านการปรับขึ้นค่าแรงของธุรกิจต่าง ๆ ในเชิงรุก เนื่องจากอัตราค่าแรงในปัจจุบันยังไม่ขยับไปไหน

 

ในช่วงหนึ่ง นายคิชิดะแถลงต่อรัฐสภาว่า โควิดสายพันธุ์โอมิครอนนั้นเป็นศัตรูที่มองไม่เห็น มันน่ากลัวกว่าที่คาดคิดไว้มากนัก ดังนั้น "เป็นอีกครั้งที่ผมขอความร่วมมือจากทุกท่าน ให้ก้าวข้ามวิกฤตของชาติครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้" นายคิชิดะกล่าว

“โอมิครอนน่ากลัวกว่าที่คิด” นายกฯญี่ปุ่นจ่อปิดประเทศยาวถึงสิ้นกุมภา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่11 ม.ค.ที่ผ่านมา นายคิชิดะ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นจะขยายมาตรการจำกัดการเข้าประเทศไปจนถึงสิ้นเดือนก.พ.นี้ แต่ต้องจับตารอฟังการประกาศ ว่าเขาจะยกเว้นให้สำหรับบางประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะในประเทศที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนเรื่องนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเดินทางกลับเข้าไปในญี่ปุ่นได้

 

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นห้ามชาวต่างชาติจากทั่วโลกเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2564 เป็นต้นมา เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นภายในประเทศ  มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ครอบคลุมคู่สมรสและบุตรของชาวญี่ปุ่น รวมถึงผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในญี่ปุ่นด้วย เว้นแต่บุคคลเหล่านี้จะได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ

 

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นจะกลับมาเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนแห่งใหญ่ในกรุงโตเกียวที่ดูแลโดยเจ้าหน้าที่จากกองกำลังป้องกันประเทศอีกครั้ง  พร้อมทั้งกระตุ้นให้รัฐบาลท้องถิ่นกลับมาเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนและเร่งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (วัคซีนบูสเตอร์) ให้แก่ประชาชนจำนวนมากเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 8,249 คน ซึ่งนับว่าเป็นสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 เป็นต้นมา

 

นายกฯ คิชิดะเรียกร้องให้ประชาชนระมัดระวังสายพันธุ์โอมิครอนเป็นพิเศษ เพราะแม้ว่าสายพันธุ์นี้จะมีอัตราการเจ็บป่วยรุนแรงที่ต่ำกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่หากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็วก็จะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้นด้วยและทำให้ระบบการแพทย์อยู่ในภาวะกดดัน