ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,912.56 จุด เพิ่มขึ้น 534.75 จุด หรือ +1.56% , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,438.26 จุด เพิ่มขึ้น 74.46 จุด หรือ +1.71% , ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,823.43 จุด เพิ่มขึ้น 251.79 จุด หรือ +1.73%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงมอร์แกน สแตนลีย์ และแบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์
นอกจากนี้ ตลาดยังพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 36,000 ราย สู่ระดับ 293,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 300,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 318,000 ราย
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับ 1.519% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. และเป็นปัจจัยหนุนหุ้นเติบโต (Growth Stocks) เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยหุ้นโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.17% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.02% หุ้นอัลฟาเบท ทะยานขึ้น 2.59% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 1.23% หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 1.58%
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 4.52% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 85 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 71 เซนต์/หุ้น ส่วนหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.52% หลังธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.98 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.68 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง
หุ้นซิตี้กรุ๊ป บวก 0.77% หลังธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.15 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.65 ดอลลาร์/หุ้น
ทั้งนี้นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.