อังกฤษกางแผนพิชิตโควิด จ่อฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กลุ่มเสี่ยง-วัย 50 ขึ้นไป   

15 ก.ย. 2564 | 02:41 น.

อังกฤษจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ หรือวัคซีนเข็มที่สามกระตุ้นภูมิต้านทาน ให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยง เช่นบุคลากรสาธารณสุข และกลุ่มวัย 50 ปีขึ้นไป ในสัปดาห์หน้า เพื่อรับมือกับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่อุณหภูมิลดต่ำลงและเอื้อต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้น

สภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ ได้มีมติเมื่อวันอังคาร (14 ก.ย.) เห็นชอบ มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงหน้าหนาว โดยมีเป้าหมายเพื่อที่อังกฤษจะไม่ต้องกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมใด ๆ อีก มติดังกล่าวมีขึ้นเป็นเวลาไล่เลี่ยกัน หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษได้เห็นชอบกับแผนการเดินหน้าฉีด วัคซีนต้านโควิดเข็มที่สาม หรือ วัคซีนบูสเตอร์ ให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยเข็มบูสเตอร์นี้จะฉีดหลังได้รับวัคซีนเข็มที่สองเป็นเวลา 6 เดือน

 

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการร่วมโครงการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันโรคของรัฐสภาอังกฤษ หรือ JCVI ให้คำแนะนำว่า วัคซีนเข็มที่สามหรือวัคซีนบูสเตอร์นั้น ควรเป็นวัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทค หรือหากจะมีทางเลือกก็ขอเป็นวัคซีนโมเดอร์นาครึ่งโดส

นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษกล่าวว่าเขายอมรับข้อแนะนำดังกล่าวของ JCVI ส่วนการฉีดวัคซีนบูสเตอร์นั้นคาดว่าจะเริ่มได้ในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

 

นอกจากนี้ อังกฤษยังมีแผนฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค เข็มแรกให้กับเด็กทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 12-15 ปี ความเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับหลาย ๆประเทศที่เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับเด็ก ๆวัยเรียน ทั้งนี้เพื่อที่จะให้การเปิดการเรียนการสอนในห้องเรียนตามปกติเป็นไปอย่างราบรื่น

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยวานนี้ (14 ก.ย.) ว่า สถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนับว่าท้าทายมากสำหรับอังกฤษ เนื่องจากมียอดผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่เขาเชื่อว่าในหลายแง่มุม ชาวอังกฤษทุกคนก็สามารถตั้งรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากในขณะนี้ ประชากรอังกฤษในวัย 16 ปีขึ้นไปนั้น ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้วมากกว่า 80% ถือว่าประชากรวัยผู้ใหญ่ที่มีภูมิต้านทานโควิด-19 แล้วมีถึง 90%

ด้านนายแพททริค วอลแลนซ์ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยเพิ่มเติมว่า สถิติที่ต้องจับตาเนื่องจากมีความสำคัญต่อการอธิบายภาพรวมของสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงฤดูหนาวนี้ ก็คืออัตราการติดเชื้อใหม่และอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของผู้ติดเชื้อโควิด

 

เสาหลัก 5 ต้นในแผนพิชิตโควิด

ในการแถลงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษเมื่อวันอังคาร (14 ก.ย.) นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุข ระบุว่า รัฐบาลมีแผนรับมือสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาวซึ่งประกอบด้วย 5 เสาหลัก (five pillars fall-winter Covid plan) ได้แก่ 1. การฉีดวัคซีน  2. การตรวจหาเชื้อ การกักตัวและย้อนรอยหาผู้สัมผัสเสี่ยง 3. การให้ความสนับสนุนระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) และสวัสดิการสังคม 4. การให้คำแนะนำและการสื่อสารของภาครัฐ และ 5. การจัดการโรคระบาดในระดับสากล

 

รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะให้ความสนับสนุนมาตรการกักตัวอยู่กับบ้านของประชาชนต่อไป และจัดหาบริการตรวจเชื้อแบบ PCR ให้แก่ประชาชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งชุดตรวจฟรีแบบได้ผลไวสำหรับผู้ที่ไม่แสดงอาการ

 

ส่วนหนึ่งที่สำคัญของแผนคือการระดมฉีดวัคซีน ซึ่งนายจาวิดกล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องใช้มาตรการบังคับให้บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าทุกคนต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อความปลอดภัยของทุก ๆ คน นอกจากนี้ รัฐบาลอังกฤษจะจัดทำคู่มือเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ

 

สถิติล่าสุดของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ชี้ว่าปัจจุบัน อังกฤษมีผู้ติดเชื้อโควิดสะสมเกือบ 7.3 ล้านราย ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด 134,587 ราย เมื่อวันจันทร์ (13 ก.ย.) มีผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 30,825 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 61 รายซึ่งเป็นการเสียชีวิตภายใน 28 วันหลังตรวจพบว่าติดโควิด