ท่ามกลางวิกฤติโควิดสหรัฐ แม้แต่ “ทรัมป์”ยังหันมาชวนประชาชนฉีดวัคซีน

22 ส.ค. 2564 | 18:49 น.

ไม่ได้หูฝาด! อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งต่อต้านการสวมใส่หน้ากากอนามัยในช่วงแรก ๆ ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา กลับขึ้นเวทีในปีนี้ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิดท่ามกลางเสียงโห่ของกลุ่มผู้สนับสนุน

นิวส์วีค สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ กล่าวสนับสนุนให้ประชาชนไป ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันให้มาก ขณะขึ้นเวทีหาเสียงของ พรรครีพับลิกัน ในเมืองคัลแมน รัฐแอละบามา เมื่อวันเสาร์ (21 ส.ค.) ท่าทีดังกล่าวของทรัมป์กลับทำให้เขาถูกผู้ชมซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน พากันตะโกนโห่แสดงความไม่พอใจ ซึ่งทรัมป์ก็ได้กล่าวยืนยันว่า “ผมเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยในเสรีภาพของพวกคุณ คุณต้องทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แต่ผมขอแนะนำว่าให้ไปฉีดวัคซีนเถอะ ผมไปฉีดมาแล้ว และมันก็ดีมาก”

 

ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า ถ้าใครจะไม่พอใจ เขาก็เข้าใจ และไม่ได้ว่าอะไร “แต่ผมเองนั้นบังเอิญว่าได้ไปฉีดมาแล้ว และถ้าหากว่ามันไม่ได้ผลดีล่ะก็ พวกคุณจะได้รู้เป็นกลุ่มแรก ๆ แต่มันได้ผล พวกคุณทั้งหลายมีเสรีภาพและก็ควรจะรักษาสิทธินั้นไว้”

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ

ขณะที่ไวรัสโควิดเดลต้าซึ่งแพร่ระบาดได้ง่ายและไวกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมกำลังคุกคามแทบทุกพื้นที่ในสหรัฐอเมริกา และดันให้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ยอดผู้เสียชีวิต และยอดผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทะยานสูงขึ้น ผู้นำพรรครีพับลิกันจำนวนมากขึ้นได้พากันออกมาเรียกร้องให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้       

 

นายมิตช์ แมคคอนเนล วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน และผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา เคยให้ความเห็นเอาไว้ว่า ชาวอเมริกันทุกคนจำเป็นต้องได้รับวัคซีนต้านโควิดโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นก็จะกลับไปสู่ภาวะเลวร้ายเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมา

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันที่เดิมเคยอยู่ในฝั่งต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ ไม่เอาการบังคับสวมใส่หน้ากากอนามัยและฉีดวัคซีน นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญภายในพรรค เพราะเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ ก่อนที่ไวรัสเดลต้าจะแพร่ระบาดกระทั่งกลายมาเป็นโควิดสายพันธุ์หลัก (95%) ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ ท่าทีของพรรครีพับลิกันยังไม่ได้มั่นใจหรือผลักดันการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด การสำรวจก่อนหน้านี้พบว่า เกือบ 50% ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งที่ให้การสนับสนุนพรรครีพับลิกันนั้น มีแนวโน้มจะไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน

กล่าวได้ว่าผู้บริหารพรรครีพับลิกันระดับแนวหน้าจำนวนมากขึ้นพากันหันมาให้การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต เกี่ยวกับการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้กับประชาชน ถึงแม้ว่าสมาชิกพรรคบางส่วนจะยังไม่เห็นด้วยก็ตาม บางรายถึงขั้นยังให้ข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับวัคซีน เช่นกรณีของ ส.ส. มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน จากรัฐจอร์เจีย ที่ถูกทวิตเตอร์ปิดบัญชีชั่วคราว หลังจากที่เธอโพสต์ให้ข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับวัคซีนโควิด รวมทั้ง ส.ส. แบร์รี มัวร์ จากรัฐแอละบามา ที่ตรวจพบว่าติดโควิด แล้วเขาออกมาให้ข้อมูลว่า วัคซีนที่เขาฉีดนั้น ไม่ผ่านการทดสอบ

 

ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลสหรัฐที่จะเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดเดลต้า กระแสการต่อต้านการบังคับฉีดวัคซีนก็ยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่ รวมทั้งการบังคับฉีดวัคซีนในบริษัทและองค์กรเอกชน ซึ่งผู้คัดค้านมองว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล

 

ความขัดแย้งดังกล่าวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทที่สหรัฐอเมริกามีทั้งยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้เสียชีวิตจากโควิดมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก และสถิติพบว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ปัจจุบัน ประชาชนอเมริกันที่รับวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสแล้วจำนวน 170,406,785 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 51.3% ของประชากรทั้งประเทศ ส่วนที่รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็มหรือโดสแรกนั้นมีจำนวน 200,947,556 ราย (ข้อมูล ณ 21 ส.ค. 2564 จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ หรือ CDC)