นายกฯออสซี่คะแนนนิยมดิ่ง ปชช.เบื่อ! ล็อกดาวน์บ่อยเกิน วัคซีนล่าช้า

10 ส.ค. 2564 | 09:15 น.

ประชาชนไม่พอใจนายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ที่บริหารจัดการสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่เข้าตา ทั้งล็อกดาวน์บ่อย โครงการฉีดวัคซีนล่าช้า ผลสำรวจล่าสุด คะแนนความนิยมต่ำกว่าครึ่ง

ผลการสำรวจล่าสุด ซึ่งจัดทำโดยนิวส์โพลเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (9 ส.ค.)  ระบุว่า คะแนนนิยมของนายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ปรับลดลงแตะ 47% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่ โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดในออสเตรเลีย เนื่องจากประชาชนไม่พอใจมาตรการล็อกดาวน์ที่ประกาศหลายครั้งหลายหน ขณะเดียวกันรัฐบาลยังฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชนได้ล่าช้าด้วย

 

คะแนนนิยมของนายมอร์ริสันในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากระดับ 85% เมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว (2563) ซึ่งเป็นช่วงที่ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิดรอบแรก

สก็อตต์ มอร์ริสัน นายกฯออสเตรเลีย คะแนนนิยมดำดิ่ง

ไม่เพียงเท่านั้น คะแนนนิยมในตัวพรรครัฐบาลออสเตรเลีย ยังตามหลังพรรคแรงงานซึ่งเป็นฝ่ายค้านอยู่ที่ 47-53 คะแนน ซึ่งหากการเลือกตั้งจริงเป็นไปตามคะแนนนิยมนี้แล้ว รัฐบาลจะแพ้ฝ่ายค้าน

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากโครงการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ซึ่งผู้วิจารณ์มองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ออสเตรเลียล็อกดาวน์บ่อยครั้ง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า

 

รัฐวิกตอเรียเข้าสู่การล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 6 เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา (5 ส.ค.) หลังสิ้นสุดการล็อกดาวน์ครั้งก่อนไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ในรัฐพยายามเร่งสกัดการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า โดยมาตรการล็อกดาวน์รอบปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 12 ส.ค.นี้

 

ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียได้พยายามควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งนำไปสู่การล็อกดาวน์เมืองใหญ่หลายแห่ง อาทิ ซิดนีย์ บริสเบน และแอดิเลด เมื่อเร็วๆ นี้

 

ขณะที่รัฐวิกตอเรีย ก็เพิ่งเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ “แบบเร่งด่วน” เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และนับเป็นการล็อกดาวน์ครั้งที่ 6 ของรัฐนี้

 

รายงานข่าวระบุว่า แม้จะมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจสร้างความพึงพอใจให้แก่ชาวออสเตรเลีย เพราะจนถึงขณะนี้ รัฐบาลแทบไม่มีความคืบหน้าในโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้แก่ประชาชน โดยขณะนี้ มีประชาชนวัยผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป)ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว เพียง 22% เท่านั้น