กพท. ยกระดับมาตรการสกัด "ไวรัสโคโรนา"

26 ม.ค. 2563 | 06:27 น.

กพท.ออกประกาศ 10 มาตรการเฝ้าระวัง และแนวทางปฏิบัติป้องกันติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดในไทย

 

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) เผยว่า ตามที่มีรายงานของทางการสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่พบว่าสถานการณ์โรคปอดอักสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (Novel Ccronavius 2019 Peumona) มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและมีการแพร่กระจายของโรคไปยังหลายพื้นที่     ได้แก่ จีน ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการ ณ วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563 นั้น

 

เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและป้องกันความเสี่ยงต่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ รวมทั้งเพื่อเป็นการยกระดับการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคดังกล่าว กพท.จึงได้ออกประกาศมาตรการเฝ้าระวัง "ไวรัสโคโรนา" ฉบับที่ 2 มีผลตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2563  โดยประกาศให้ทราบโดยทั่วกันถึงข้อมูลสำคัญและแนวทางปฏิบัติสำหรับการเฝ้าระวังป้องกันโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และองค์การอนามัยโลก (WHO)

กพท. ยกระดับมาตรการสกัด "ไวรัสโคโรนา"

 

ทั้งนี้ประกาศทั้งหมดมี 10 ข้อ ได้แก่

1.ขณะนี้มีการยืนยันแล้วว่า โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ และยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันโรคนี้

 

2.ระหว่างเดินทางในต่างประเทศ ขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษ และไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอ จาม หากเลี่ยงไม่ได้ ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน

 

3.หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วยหรือตาย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรวมถึงเนื้อสัตว์ที่ไม่สุกดี

 

4.หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น

 

5.ไม่ใช้ของส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น เนื่องจากเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ

กพท. ยกระดับมาตรการสกัด "ไวรัสโคโรนา"

กพท. ยกระดับมาตรการสกัด "ไวรัสโคโรนา"

6.รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

 

7.หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย ภายใน 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวมและมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

8.ขอให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศซึ่งมีเที่ยวบินตรงหรือเที่ยวบินที่เดินทางต่อมาจากเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือพื้นที่ที่มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว เมื่อพบผู้โดยสารที่มีอาการและอาการแสดงว่าป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ระหว่างการเดินทางขอให้ดำเนินการกรอกรายละเอียดตามแบบฟอร์ม ตามคำแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ให้สมบูรณ์ครบถ้วนส่งให้เจ้าหน้าที่ ณ ช่องทางเข้า-ออกประเทศ ณ ท่าอากาศยานทุกแห่ง

 

9. ให้ท่าอากาศยานทุกแห่งที่มีเที่ยวบินตรงหรือเที่ยวบินที่เดินทางต่อมาจากเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือพื้นที่ที่มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ดำเนินการตรวจคัดกรองผู้เดินทางผ่านเข้าท่าอากาศยานเพื่อเป็นการเฝ้าระวังคัดกรอง และป้องกันควบคุมโรค

 

10. ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งแนวทางปฏิบัติดังกล่าวให้ผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานทราบ และให้เจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานประกาศเพิ่มเติมบนอากาศยานให้ผู้โดยสารได้รับทราบโดยทั่วกันด้วย

 

   ทั้งนี้ขอให้ปฏิบัติตาม จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดไป หรือมีประกาศอื่นใดเพิ่มเติม