ถอดรหัสทรัมป์แถลงนโยบาย เน้นโชว์ผลงาน-ไม่คุกคามคู่ค้า

20 พ.ค. 2561 | 02:09 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกาแถลงนโยบายประจำปี หรือ State of the Union ต่อสภาคองเกรสในคืนวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา (ประมาณ 09.00 น.ของวันที่ 31 ม.ค.ตามเวลาไทย) เป็นการแถลงนโยบายต่อคองเกรสเป็นครั้งแรกของเขา เนื้อหาครอบคลุม 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ นโยบายด้านการจ้างงานและเศรษฐกิจ โครงการก่อสร้างสาธารณูปการพื้นฐานภายในประเทศ นโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพ นโยบายการค้า และความมั่นคงแห่งชาติ

TP10-3337-1c ภายหลังการแถลงนโยบายซึ่งมีความยาวราว 1 ชั่วโมง 20 นาที นักวิเคราะห์ระบุว่า ถึงแม้ผู้นำสหรัฐฯ ดูจะพร้อมอยู่ตลอดเวลาที่จะนำนโยบายในลักษณะตอบโต้ทางการค้ามาใช้กับประเทศคู่ค้าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ตามนโยบาย America First หรือผลประโยชน์ของอเมริกาต้องมาก่อน แต่ในถ้อยแถลงของเขาต่อสภาคองเกรสครั้งนี้กลับมีการพูดถึงการตอบโต้ประเทศคู่ค้าน้อยมาก แม้จะมีการเอ่ยถึงจีนบ้าง เช่นในประเด็นการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา แต่ก็เป็นการกล่าวถึงที่ไม่ได้ข่มขู่หรือคุกคามอย่างที่เคยมีการคาดหมายก่อนหน้านี้ นายเจมส์ แครบทรี ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยนโยบายภาครัฐ ลี กวน ยิว ในสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า มีความคาดหมายว่าถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ จะตอกยํ้ากระแสกีดกันทางการค้าที่ดูจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น แต่ปรากฏว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้กล่าวเน้นประเด็นทางการค้ามากนัก อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน รัฐบาลสหรัฐฯเพิ่งจะประกาศเรียกเก็บภาษีอัตราสูงขึ้นกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งได้แก่ แผงพลังงานแสงอาทิตย์และเครื่องซักผ้า ซึ่งส่งผลกระทบกับคู่ค้าหลายประเทศในเอเชียของสหรัฐฯ ทั้งจีนและเกาหลีใต้ ได้ออกมาตำหนิการตัดสินใจดังกล่าว

ad-hoon-1 ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่า ยุคแห่งการยอมอ่อนข้อทางเศรษฐกิจได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็ไม่ได้เน้นแถลงในเรื่องการค้ามากนัก อีกทั้งไม่มีการพูดถึงคำว่า “ภาษีนำเข้า” ในการแถลงต่อสภาคองเกรสแม้แต่คำเดียว ทำให้ความหวาดวิตกเกี่ยวกับสงครามตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าในเอเชีย บรรเทาเบาบางลง นอกจากนี้ ทรัมป์ยังไม่ได้พูดถึงข้อตกลงการค้าเสรีอย่างระบุเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นนาฟต้า หรือทีพีพี เขาเพียงแต่ใช้โอกาสดังกล่าว แสดงผลงานว่า “สุดท้ายแล้ว อเมริกาได้พลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่แตกต่างไปจากเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหลายสิบปีที่อเมริกาไม่ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมทางการค้า ทำให้ประชาชนและบริษัทอเมริกันต้องสูญเสียผลประโยชน์”

เจอราร์ด แคสสิดี้ กรรมการผู้จัดการและนักวิจัยจากบริษัท อาร์บีซี แคปปิตอล มาร์เก็ตส์ ในสหรัฐอเมริกา ให้ความเห็นว่า นักลงทุนในประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ ต่างก็เฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงในสหรัฐฯ แต่พวกเขาไม่ได้ให้นํ้าหนักความสนใจกับการเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้ามากนัก เพราะสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เริ่มฟื้นตัวและมีแนวโน้มการเติบโตที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นเป็นนิมิตหมายที่ดี
ทรัมป์แถลงต่อสภาคองเกรสว่า ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลของเขายังสร้างงานใหม่แล้ว 2.4 ล้านอัตรา ซึ่งรวมถึง 200,000 อัตราในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ค่าจ้างแรงงานที่ไม่ได้ขึ้นมาหลายปีก็เริ่มขยับสูงขึ้นแล้วในยุคที่รัฐบาลของเขาบริหารประเทศ นอกจากนี้ อัตราการว่างงานยังลดลงสู่ระดับตํ่าที่สุดในรอบ 45 ปี ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขยับสูงขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก ส่วนตลาดหลักทรัพย์ก็ทะยานทำสถิติใหม่หลายต่อหลายครั้ง และมีมูลค่าตลาดขยับเพิ่มขึ้น 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่เพียงเท่านั้น มาตรการลดภาษีที่เขาลง นามเป็นกฎหมายบังคับใช้ก่อนหน้า การแถลงนโยบาย ยังเป็นมาตรการที่จะทำให้ครอบครัวอเมริกันโดยเฉลี่ยมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ปี

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,337 วันที่ 4 - 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว