“เศรษฐา” พูดชัด "ไม่แก้ ม.112" ตัดเงื่อนไขโหวตเลือกนายกฯ

20 ก.ค. 2566 | 09:20 น.

"เศรษฐา ทวีสิน" พูดชัดเจน ไม่แก้-ไม่ยกเลิก ม.112 บอก "คณิตศาสตร์พื้นฐานมาก" ที่จะได้รับเสียงโหวตเลือกนายกฯ ลั่น พร้อมทำตามมติพรรคหากถูกเสนอชื่อโหวตเลือกนายกฯรอบ3 ร้องอุ๊ยเลี่ยงตอบปมตัดก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามประเด็นที่ต้องทำอย่างไรไม่ให้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ ม.112 เป็นปัญหาในการโหวตเลือกนายกฯครั้งที่ 3 ว่า "เรื่องมาตรา 112 ต้องไม่อยู่ในการแก้ไข หรือยกเลิกไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. และอีกหลายพรรค ซึ่งคณิตศาสตร์ค่อนข้างพื้นฐานมาก นับดูก็รู้ว่าเรื่องอะไร" 

ส่วนวิธีไหนที่จะทำให้ 112 ไม่อยู่ในเงื่อนไข ให้คนเข้าใจเพื่อไทยว่าไม่ได้หักก้าวไกล นายเศรษฐา กล่าวว่า คงพูดแทน 8 พรรคและก้าวไกลไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกัน  พรรคเพื่อไทยต้องมีการพูดคุยกันหากจะเป็นแกนนำเรื่องนี้คงต้องพูดคุยกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะต้องถกกันหนักกับพรรคก้าวไกลเรื่องมาตรา 112 หรือไม่ เพราะไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา แต่หากถามโดยส่วนตัว ถ้ามีมาตรา 112 อยู่ก็คงไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากหลายพรรค 

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงความพร้อมในการเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีว่า รายชื่อผู้ถูกเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยมี 3 รายชื่อ ต้องให้กรรมการบริหารพรรคเป็นคนเคาะก่อน ส่วนกระแสว่าน้ำหนักผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกคือนายเศรษฐา ยอมรับว่าก็เป็นไปในลักษณะนั้น แต่ก็มีแคนดิเดตอีกหลายท่าน จากหลายพรรคเชื่อว่าหลายคนก็มีความพร้อมเหมือนกัน 

เมื่อถามว่าเสียง ส.ว. ชัดเจนว่าไม่เอาพรรคก้าวไกล การตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยจะยังมีพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเศรษฐา บอกว่าต้องให้คณะเจรจาไปพูดคุยกัน แต่ก็อาจจะเป็นไปในทิศทางนั้น และตอนนี้เรายังมีข้อตกลงระหว่าง 8 พรรคอยู่ ก็ต้องพูดคุยและให้เกียรติทั้ง 8 พรรคที่ร่วมเจรจา ขอเวลาอีกนิดหนึ่ง 

"ณ จุดนี้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังเหนียวแน่น จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง และขณะนี้ก็ยังไม่มีการพูดคุยกัน และเชื่อว่าคณะเจรจาจะมีการพูดคุยกันโดยเร็ว ไม่เย็นนี้ก็พรุ่งนี้ ก็คงมีแนวทางออกมาส่วนแกนนำจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็คงต้องรอดู"


นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย

 

เมื่อถามว่าการผลักดันนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีของ 8 พรรคร่วมมาถึงที่สุดแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ฟังดูทางด้านกฎหมายก็น่าจะเป็นอย่างนั้น 

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีเหมือนจะเป็นบรรทัดฐาน ว่า 1 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีสามารถโหวตได้แค่ 1 ครั้ง การจะเสนอชื่อนายเศรษฐาในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ประเมินว่าการมีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วมด้วยหรือไม่อยู่แบบไหนจะส่งผลดีกว่ากัน นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องการโหวตครั้งเดียวถือเป็นบรรทัดฐานอย่างหนึ่ง มองว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป เป็นบรรทัดฐาน การเสนอชื่อต่อไปต้องคิดให้ดี ต้องเจรจาให้เหมาะสม 

เมื่อถามว่ามองว่ายังควรจับมือไปด้วยกันกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่าต้องให้เกียรติคณะเจรจา

เมื่อถามว่ามีโอกาสที่พรรคร่วมรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้จะล้ำหน้าไปนิดหนึ่ง ต้องให้เกียรติ 8 พรรคร่วม และปัจจุบัน 8 พรรคก็มีเสียงเยอะอยู่แล้ว แต่ต้องมาพูดคุยกันด้วยว่าจะเอาอย่างไร 

เมื่อถามว่ายังยืนยันตามกรรมการบริหารพรรคไม่ว่าจะมีมติอย่างไร พร้อมที่จะตามใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบสั้นๆ ว่า “ครับ” 

ส่วนทางที่ดีที่สุดที่จะได้เสียงเพิ่มเติมในการตั้งรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่าเสียงส.ว. ถือเป็นส่วนที่สำคัญ ถ้าจะเอามาหนุนในการโหวตนายกฯก็เป็นภาคส่วนที่สำคัญ ส่วนตัวรู้จัก ส.ว.แค่ 2 คน คงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของหลักการมากกว่า หากหลักการตกลงกันได้และพูดคุยกันรู้เรื่องก็จะได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. คิดว่าอย่าข้ามขั้นดีกว่า เพราะเรายังผูกมัดอยู่กับเอ็มโอยู ต้องให้เกียรติคณะเจรจาว่าจะทำอย่างไรกันต่อ หากเจรจาแล้วเห็นเป็นอื่นก็ต้องกลับมาคุยในพรรค จึงจะพิจารณาขั้นตอนต่อไปว่าจะไปอย่างไร ไปกับใคร

เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ ว่าเกมบีบให้พรรคเพื่อไทยต้องข้ามขั้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า "ถ้าผมต้องตอบคำถามนี้ ยังไงก็ต้องคิดอยู่แล้ว เป็นธรรมดา ไม่ได้มีโจทย์อะไรที่ซับซ้อนมาก ต่างคนก็ต่างคิดไป แต่สำคัญที่สุดคือคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ คือกรรมการบริหารพรรคและคณะเจรจา ส่วนเรามีหน้าที่ก็ต้องทำตาม" 

"วันนี้ผมเป็นแคนดิเดตนายกพรรคเพื่อไทยก็ต้องเตรียมพร้อม เรื่องเศรษฐกิจที่พรรคมอบหมายมา ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือเป็นแกนนำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมต้องทำ ก็เป็นเหตุผลที่ผมเข้ามาในพรรค นอกเหนือจากการพูดคุยกับผู้ใหญ่ ขอให้ใจเย็นๆ 8 พรรคยังคุยกัน การที่จะเปลี่ยนแปลงมีการข้ามขั้ว หรือมีพรรคอื่นมาเสริม ก็ต้องให้เกียรติกับคณะเจรจา ใจเย็นๆดีกว่ายังมีอีกหลายวันก่อนจะถึงวันที่ 27 คอยกันมานานขนาดนี้แล้ว แต่ทำอะไรก็ต้องให้เกียรติพรรคร่วมที่ทำงานกันมา ซึ่งผลการโหวตเมื่อวานนี้ก็น่าผิดหวัง ต้องยอมรับและเดินต่อไป" 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ามีสูตรผลักก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ยัตอบว่าต้องจับมือก้าวไกลไปจนสุดทาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าสุดทางคืออะไร สุดทางคือพรรคก้าวไกลไม่สามารถเสนอนายกรัฐมนตรีได้แล้ว นี่คือสุดทางหรือยัง ต้องฝากไปที่คณะเจรจา ว่านี่คือสุดทางหรือยัง หากสุดทางแล้วให้พิจารณาว่าพรรคที่มีอันดับสอง จะรวมกันได้หรือเปล่า ก็อยากให้ผ่านไปด้วยดี อย่างไรก็ยังร่วมอุดมการณ์กันอยู่ดี ทั้งเรื่องที่อยากให้มีการร่างเอ็มโอยูใหม่ เรื่องจิตใจที่เป็นประชาธิปไตย ตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ 

แต่หากโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไรก็ไม่ได้เพราะยังมีก้าวไกลร่วมรัฐบาลจำเป็นหรือไม่ที่ต้องผลักก้าวไกลออก นายเศรษฐา กล่าวว่า คณิตศาสตร์เบื้องต้น ลองนับดูก็แล้วกัน ผมว่าทุกคนรู้อยู่ 

เมื่อถามย้ำว่าตามคณิตศาสตร์เบื้องต้น จะทำตามมติกรรมการบริหารพรรค ยอมเป็นนายกฯโดยไม่มีก้าวไกลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ร้อง “อุ๊ย ยังไม่ถึงจุดนั้น จุดแรกคือ 8 พรรคต้องพูดคุยกันได้ก่อนว่าขั้นตอนต่อไปคืออะไร หากมีมติว่าเพื่อไทยได้เป็นแกนนำก็ต้องมีการประชุม กรรมการบริหารพรรคก่อน จากนั้นก็ต้องเลือกจาก 3 แคนดิเดตนายก หากไปถึงจุดนั้นก็ต้องว่ากันอีกที ยังเหลืออีกตั้งหลายวัน เสาร์อาทิตย์ไปพักผ่อนกันให้สบาย”