"เผ่าภูมิ โรจนสกุล" วาดฝันเพื่อไทย พลิกโฉมเศรษฐกิจประเทศ

09 ม.ค. 2566 | 00:01 น.

เปิดใจ "ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล" หัวหน้าทีมนโยบาย พรรคเพื่อไทย จากข้าราชการไฟแรง สู่นักการเมืองรุนใหม่ วาดฝันพลิกโฉมเศรษฐกิจประเทศไทย จากหน้ามือ เป็นหลังมือ ในปี 2570

ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ชวน ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาฯ และ ผอ.ศูนย์นโยบาย พรรคเพื่อไทย เปิดใจถึง แนวคิดอดีตข้าราชการไฟแรง สู่เป้าหมายบนเส้นทางการเมือง มุมมองต่อประเทศไทย และคำตอบต่อนโยบายสั่นสะเทือนภาคธุรกิจ ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท 

 

หลังจบปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์ University of Illinois at chicago สหรัฐอเมริกา "เผ่าภูมิ" เลือกเข้าสู่งานราชการ ในสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง หน่วยงานที่ถือเป็นมันสมองของประเทศ เพื่อหวังที่จะผลักดัน สิ่งที่เห็น สิ่งที่ศึกษามา ให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีขึ้นกลับประเทศ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

“ภาพวาด ก่อนและ หลังได้เข้าไปอยู่ในองค์กร ต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะระบบราชการของไทยยังมีปัญหาอยู่เยอะมาก ด้วยระบบราชการ มีหลายลำดับชั้น ทำให้ผลักดันสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นได้ยากพอสมควร ล่าช้า และไม่ได้ตอบสนองในสิ่งที่เราอยากให้มันเป็น นโยบายที่เราคิด ทิศทางที่คิดไว้ ขับเคลื่อนได้ช้า”

 

การเข้าสู่เส้นทางการเมือง ตามการทาบทามของ นาย ภูมิธรรม เวชยชัย จึงเป็นคำตอบ ที่จะทำให้การเข้าไปผลักดัน สิ่งที่คิดหวังไว้ เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า

 

นี่คือจุดเริ่มต้นที่ ดร.เผ่าภูมิ ตัดสินใจ เดินออกจากหน่วยงาน ที่คนเรียนจบเศรษฐศาสตร์ปรารถนาจะเดินเข้าไปมากที่สุดในขณะนั้น อย่างสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

 

เขามองเห็นเส้นทางการเมืองว่า สามารถนำเสนอนโยบาย หากประชาชนเลือกเราให้มาเป็นรัฐบาล ก็จะสามารถผลักดันนโยบายผ่านหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเกิดขึ้นได้เร็วกว่า และความรวดเร็วนี้มีความสำคัญ

เผ่าภูมิ โรจนสกุล

“นโยบายครั้งนี้ เพื่อไทยคิดใหญ่ ครั้งนี้เราคิดจะสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งแตกต่างจากการคิดว่าจะใช้งบประมาณอย่างไร เราต้องเข้าไปสร้างรายได้ก่อน เศรษฐกิจโต แล้วค่อยไปคิดทำอย่างอื่น เมื่อคนมีรายได้ ภาคเอกชนพร้อมจ่าย จะนำไปสู่เศรษฐกิจที่ขยายตัว และนำไปสู่สวัสดิการต่างๆ ฉะนั้น เพื่อไทยต่างตรงที่คิดใหญ่ และคิดในมุมที่ใหม่ ซึ่งการประกาศวิสัยทัศน์ 2570 จึงนำไปสู่เรื่องค่าแรง 600 บาท เหล่านี้คือสิ่งที่เราประกาศ และมั่นใจว่าทำได้"

 

ผอ.ฝ่ายนโยบาย เน้นย้ำ ถึงวิธีคิด และนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียงในครั้งนี้ว่า เราอยู่ในยุคไดโนเสาร์ด้านเศรษฐกิจ เราต้องปรับเปลี่ยนอะไรอีกเยอะ เราเป็นการเกษตรขั้นพื้นฐาน ผลิตอะไรก็เก็บเกี่ยวแล้วนำไปขาย ขาดการแปรรูป การท่องเที่ยว ภาคบริการ ของเราที่ยังใช้เพียงทะเล ภูเขา ตึกรามบ้านช่อง ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบโบราณมาก เพราะปัจจุบันนี้เป็นภาคบริการที่เป็นสมัยใหม่แล้ว

 

 

 

เช่น การบริการด้านการแพทย์ บริการด้านการศึกษา บริการด้านการเงิน โดยเขาไม่จำเป็นต้องเข้ามาในประเทศไทยด้วยซ้ำ แต่ใช้บริการเหล่านี้สร้างรายได้

 

แปลกใจที่นโยบาย ค่าแรง 600 ได้รับความสนใจสูงสุด เพราะแท้จริงแล้วตั้งเป้าว่าจะเป็นอีกนโยบายหนึ่ง แต่ไม่แปลกใจที่นโยบายค่าแรง 600 มีทั้งคนที่ชอบ และคัดค้าน เพราะมองได้ 2มุม ถ้าจะมองว่า ค่าแรง 600 เหมาะสมกับประเทศไหม ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองต่อประเทศเป็นแบบไหน หากมองว่าประเทศจะพัฒนาจากวันนี้แบบก้าวกระโดด ค่าแรง 600 บาทก็เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่หากเดินไปอีก 4ปี ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ค่าแรง 600 ก็ถือเป็นเรื่องตลก”

 

เผ่าภูมิ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย คือพรรคเศรษฐกิจ เลือกนโยบายที่มีคนได้ประโยชน์มากที่สุด และมีคนเสียประโยชน์น้อยที่สุด แล้วต้องทำให้ประเทศเดินหน้าได้ในภาพใหญ่ ในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงแค่เอาใจคนส่วนใหญ่ แต่ประเทศเดินไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง

 

การได้นั่งในตำแหน่งที่คิดนโยบายให้กับพรรคเพื่อไทย ดูจะตอบโจทย์เป้าหมาย ที่ไม่ใช่เรื่องของตำแหน่ง ทั้งในวันที่เป็นข้าราชการ หรือ ณ วันนี้ก็ตาม หากแต่คือ การได้นำเอาสิ่งที่เรียนมา มาผลักดันให้เกิดขึ้นจริงกับประเทศ

 

เขามองว่า จุดเริ่มต้น ที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นกว่านี้ คือกลไกการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาล ที่ต้องสะท้อนความต้องการแท้จริงของประชาชน พรรคที่ได้รับเลือกต้องทำตามนโยบายที่ประกาศไว้ หน่วยงานที่กำกับดูแล ต้องเข้มแข็งภายใต้มาตรฐานเดียวกัน

 

นอกจากนั้น ในฐานะของนักการเมืองรุ่นใหม่ เขามองเห็นการเมืองไทยในอดีต จวบจนปัจจุบันนี้ว่า ยังคงมีสภาพการเมืองน้ำเน่าอยู่ มีการใส่ร้ายป้ายสีอยู่ ซึ่งเชื่อว่า นักการเมืองรุ่นใหม่ๆคิดคล้ายๆกันว่า ไม่มีประโยชน์อะไร กับการด่าคนอื่น สาดโคลน ใส่ร้ายคนอื่น

 

การเมืองตอนนี้มีความแฟร์มากขึ้น ในมิติของการต่อสู้ด้วยศักยภาพของนักการเมืองคนนั้นๆมากขึ้น หากเป็นนักการเมืองที่มีศักยภาพจริง สร้างประโยชน์ได้จริง ได้รับการยอมรับจริง ขบวนการดิสเครดิตก็จะทำอะไรกับคนๆนั้นได้ยาก 

“นิยามนักการเมืองรุ่นใหม่ ต้องไม่ใช่แค่กล้า แต่ต้องเป็นนักการเมืองที่เก่ง และสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ กล้าอย่างเดียวก็ไม่พอ แต่ถ้าเก่ง แต่ไม่พร้อมจะเข้าไปแก้ไข ก็ไม่ได้ กล้า กับ เก่ง ต้องไปคู่กัน อย่างกลมกล่อม ต้องสามารถประสานกับ ผู้ที่มีประสบการณ์ในพรรค โครงสร้างของพรรค อัตลักษณ์ และอุดมการณ์ของพรรค นักการเมืองรุ่นใหม่ สำคัญ แต่ต้องอิงอยู่บนฐานของข้อเท็จจริง และความเป็นไปได้ ไม่ใช่ว่า ฝันอยากไปในทิศทางแบบนี้ แล้วเดินไปแบบนั้นเลย มองว่าเร็วไป และง่ายเกินไป ควรมีการผสมผสาน และให้ค่าซึ่งกันและกัน”


นี่คือมุมมอง ของนักการเมืองรุ่นใหม่ หัวหน้าทีมนโยบายของพรรค ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล ที่เชื่อว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ 2570 จะพลิกโฉมเศรษฐกิจของประเทศไทยจากหน้ามือ เป็นหลังมือ ทั้งนี้ การได้เสียง ส.ส. 250 ขึ้นไป เป็นสิ่งจำเป็น ที่จะทำให้สามารถเลือกพรรคการเมือง ที่สอดคล้องกัน ทั้งนโยบาย และ อุดมการณ์ เพื่อจับมือเป็นรัฐบาลร่วมกัน