นายภากร สุริยาภิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจดิจิทัลและโซลูชัน บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) เปิดเผยว่า โออาร์มีเป้าหมายชัดเจนในการทรานสฟอร์มธุรกิจไปสู่ดิจิทัล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ดิจิทัล หรือ “ดิจิทัลโรดแมป” เพื่อให้ทุกกลุ่มธุรกิจโออาร์ ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีเป้าหมายหลักที่สำคัญ คือ การเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Operation Excellence) และการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่
ทั้งนี้ดิจิทัลโรดแมป ของโออาร์ จะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2568 โดยขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยงบประมาณการลงทุนได้ แต่ใช้เม็ดเงินลงทุนไม่สูงมาก แต่จะเลือกเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมกับธุรกิจโออาร์ ที่ประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลัก คือ ค้าปลีก และไลฟ์สไตล์ ขณะที่แผนดังกล่าวจะถูกขับเคลื่อนด้วยแนวคิด “Proof of Concept” ซึ่งหมายถึงการเริ่มต้นจากโครงการขนาดเล็กและขยายผลในวงกว้างเมื่อประสบความสำเร็จ และมีการทบทวนแผนทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลง
โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ของกลุ่มโออาร์นั้นมีเป้าหมายลดต้นทุนการดำเนินงานได้มากถึง 15-20% และในบางโครงการอาจลดได้ถึง 30% หรือมากกว่านั้น
“ดิจิทัลโรดแมปจะทำหน้าที่เป็น “แผนที่นำทาง” สำหรับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจ โดยวางแผนให้แต่ละหน่วยงานปรับตัวตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในช่วง 1 ปี, 3 ปี และ 5 ปี ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่จะถูกนำมาใช้รวมถึงระบบ AI, ระบบจัดการข้อมูลบน Cloud และ Generative AI โดยมุ่งเน้นการใช้งานเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์เฉพาะด้านของธุรกิจโออาร์”
หนึ่งในตัวอย่างโครงการสำคัญภายใต้ดิจิทัลโรดแมปคือการพัฒนา “One Dashboard” ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานของโออาร์ในแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยระบบดังกล่าวจะช่วยให้โออาร์มองเห็นทั้งกระบวนการผลิต การขนส่ง และการจัดจำหน่ายได้อย่างชัดเจน
อีกหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของการทรานส์ฟอร์เมชันครั้งนี้คือ การเตรียมพร้อมเข้าสู่ธุรกิจ “Virtual Bank” โดยโออาร์ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมเพื่อยื่นขอใบอนุญาต และกำลังวางแผนพัฒนาระบบ Data Ecosystem ที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับธุรกิจนี้ โดยโออาร์ มีจุดแข็งจากฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ ทั้งจากสถานีบริการน้ำมันกว่า 2,500 แห่ง และร้านคาเฟ่อเมซอนกว่า 4,000 แห่ง ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากกว่า 3 ล้านคนต่อวัน โดยโออาร์จะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและพัฒนาบริการที่ตรงใจผู้บริโภค
“Virtual Bank จะเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้โออาร์สามารถต่อยอดธุรกิจและขยายเครือข่ายลูกค้า โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่”
โดยการพัฒนาเทคโนโลยีของโออาร์นั้นจะมีจากการพัฒนาเอง โดยขณะนี้ธุรกิจดิจิทัลและโซลูชัน ของโออาร์ มีทีมงานอยู่ 100 คน โดยมีทีมวิทยาศาสตร์ข้อมูลอยู่ 7 คน ทำงานร่วมกับบริษัทที่ปรึกษา นอจากการว่าจ้างพันธมิตรภายนอกในการพัฒนา
นายภากร กล่าวต่อไปอีกว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญของดิจิทัลทรานส์ฟอร์มองค์กรคือการสร้างความพร้อมด้านบุคลากร โดยการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ แต่ยังต้องสร้าง
“Mindset” ใหม่ให้พนักงานทุกระดับเข้าใจและมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ โดยปัจจุบัน โออาร์ มีพนักงาน 2,000 คน แบ่งเป็น Gen Y 59.1%, Gen X 23.3%, Gen Z 17.4% และ เบบี้บูม 0.2%"
“หลายคนมองว่าดิจิทัลจะมาแทนที่งานของพวกเขา แต่จริงๆ แล้ว ดิจิทัลจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราจึงได้จัดกิจกรรมอย่าง Digital Day เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และให้พนักงานมีส่วนร่วมในการออกแบบการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้”
โออาร์ ยังได้จัดอบรมให้กับพนักงานเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือดิจิทัล เช่น Power BI เพื่อเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล และพัฒนาแดชบอร์ดสำหรับการบริหารงานในทุกส่วนขององค์กร ซึ่งช่วยให้แต่ละหน่วยธุรกิจสามารถทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น