สำหรับประเทศไทย ที่ผ่านมาให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมน้อยมาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ งานวิจัยหลายอย่างถูกค้นคิดขึ้นมาไม่ถูกนำมาต่อยอดพัฒนาเชิงพาณิชย์ หรือที่เรียกว่า “ถูกวางอยู่บนหิ้ง”
สถาบันวิทยสิริเมธี (Vidyasirimedhi Institute of Science and Technology) หรือในชื่อย่อว่า VISTEC เป็นมหาวิทยาลัยวิจัย (Research University) ของกลุ่มปตท. มุ่งเน้นงานวิจัยระดับแนวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับชั้นนำของโลก โดย VISTEC มุ่งมั่น ตั้งใจ ยกระดับการเป็นสถาบันฯ ชั้นแนวหน้า ที่บ่มเพาะบุคคลกรของชาติให้สร้างสรรค์และผลิตนวัตกรรมออกมาอย่างดีที่สุด
ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล อธิการบดี กิตติคุณ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายภาพรวมของสถาบันฯ ภายหลังการเยี่ยมชมของสื่อเครือเนชั่น และ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว งานวิจัยของไทยถือว่าน้อยมาก โดยปี 2562 ทุกประเทศแซงหมด เกาหลี มาเลเซีย และเชื่อไว้ว่าเวียดนามกำลังจะแซงหน้าเรา เราจะเป็นประเทศที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง งานวิจัยทั้งประเทศมีแค่ 57.97 ชิ้น ใช้อาจารย์ 1,000 คน ผลิต 1 ชิ้น เทียบกับมหาวิทยาลัยยังไม่ได้เลย
VISTEC เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ปี 2558 ในหลักสูตรนานาชาติระดับปริญญาโทและปริญญาเอก มุ่งเน้นการสร้างนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เป็นงานวิจัยชั้นแนวหน้า (Frontier Research) ในระดับสากล โดยเลือกเอาเด็กปริญญาตรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจาก 300 คน คัด 50 คนมาเรียน โดยเด็กที่เข้ามาเรียนได้รับทุนเรียนฟรี มีสิทธิ์เลือกเรียนในต่างประเทศ เรียนจบได้รับปริญญา 2 ใบ ขณะที่เครื่องมือการเรียนนั้นก็ลงทุนเลือกเครื่องมีที่ดีสุด อย่างน้อยก็ดีสุดในอาเซียน เข้ามาใช้ในการเรียนการสอน
สถาบันแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เพื่อการศึกษาและการเรียนรู้ (Education Zone) ในเมืองแห่งนวัตกรรม Smart City วังจันทร์วัลเลย์ (Wangchan Valley) จังหวัดระยอง อยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก หรือ EEC บนพื้นที่ 3,454 ไร่ ด้วยความตั้งใจให้มีสถาบันอุดมศึกษาในระดับปริญญาโทและเอก เน้นบ่มเพาะคนที่มีศักยภาพด้านการทำวิจัยโดยเฉพาะ
โดยปัจจุบัน VISTEC เปิดสอน 4 สำนักวิชา ได้แก่ สำนักวิชาวิทยาการโมเลกุล (School of Molecular Science and Engineering: MSE), สำนักวิชาวิทยาการพลังงาน (School of Energy Science and Engineering: ESE), สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม ชีวโมเลกุล (School of Biomolecular Science and Engineering: BSE) และ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (School of Information Science and Techno logy: IST)
“เราไม่จำเป็นต้องมี 50-60 คณะ แต่มุ่งให้ความสำคัญกับ 4 คณะ คือ ไบโอเทค พลังงาน ไอที โรโบติก ขณะนี้ VISTEC กำลังจะเปลี่ยนจากนวัตกรรมไปเป็น เทคโนโลยีชั้นสูง หรือ Deep Tech เพื่อผลักดันให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริง จึงได้จัดตั้งนิติบุคคลภายใต้ชื่อ บริษัท วิสอัพ จำกัด (VISUP Company Limited) ทำหน้าที่บ่มเพาะและผลักดันให้เกิดวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) แบบเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep technology)”
ปัจจุบันมีโครงการที่จัดตั้งเป็นนิติบุคคลแล้ว คือ บริษัท วิสัย เอไอ จำกัด (VISAI Company Limited) ผลิตภัณฑ์หลักคือการพัฒนาแพลตฟอร์มทางปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับบุคคลทั่วไป และในอนาคต VISUP มีแผนผลักดันให้เกิด Startup อีกอย่างน้อย 3 โครงการภายในปี 2025
VISTEC ได้ผลิตและพัฒนาผลงานวิจัยที่มีความสำคัญ และมีความสอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจในปัจจุบันแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ AI and Robotics จากสำนักวิชาวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (IST) วิจัยระบบปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ เช่น งานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถปรับใช้ในงานด้านต่างๆ สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านระบบ AI ให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในการใช้งานที่หลากหลายโดยใช้ฐานข้อมูลที่น้อยลง มาใช้แก้ปัญหาใหม่ที่ข้อมูลหายากหรือมีค่าใช้จ่ายสูง ได้แก่ การพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวในพื้นที่ซับซ้อน เข้าถึงยากและอันตรายในภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยระบบต้นแบบเทคโนโลยีหุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริงอัจฉริยะ เพื่อใช้ในการศึกษาการควบคุมการทำงานของระบบหุ่นยนต์ช่วยเหลือทางการแพทย์ที่มีข้อมูลป้อนกลับจากสัญญาณชีวภาพและชีวกลศาสตร์ เช่น สัญญาณคลื่นสมอง, สัญญาณการเคลื่อนไหวของร่างกายด้วยการประมวลผลผ่านแบบจำลองโครงข่ายประสาทเทียม ระบบสามารถปรับตัวทำงานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยสนับสนุนและฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานแต่ละบุคคล
Energy, Materials & Environment จากสำนักวิชาวิทยาการพลังงาน (ESE) และสำนักวิชาวิทยาการโมเลกุล (MSE) เน้นงานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน พัฒนาแบตเตอรี่และวัสดุคุณภาพภาพสูง เช่น การวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับแบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออน ทั้งในด้านของวัสดุที่ใช้ทำขั้วบวกและขั้วลบ การสร้างสารละลาย อิเล็กโตรไลต์ชนิดใหม่ที่มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น
งานวิจัยด้านการพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยานาโนยุคใหม่จากขยะหรือสารไร้มูลค่าเพื่อประยุกต์ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมียุคใหม่ รวมทั้งอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและยา นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่สามารถเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนได ออกไซด์เป็นสารที่มีมูลค่าสูง เช่น สารนำพาประจุในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รวมถึงการเปลี่ยนให้เป็นพอลิเมอร์ที่มีคุณสมบัติพิเศษขั้นสูงและสารดูดซับขั้นสูงที่มีรูพรุนพิเศษเพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมเฉพาะด้าน รวมถึงการพัฒนาวัสดุโปร่งใสที่สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า (Luminescent solar concentrator: LSC) อีกด้วย
Biotechnology จากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมชีวโมเลกุล (BSE) เน้นด้านการพัฒนาด้านเซลล์และเอนไซม์ในระดับสูงเพื่อใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการแพทย์ และการเพิ่มมูลค่าของขยะอินทรีย์ โดยมีงานวิจัย เช่น การพัฒนางานวิจัยด้านชีววิทยาสังเคราะห์ เพื่อออกแบบและสร้างเทคโนโลยีชีวภาพในระดับเซลล์ขึ้นมาใหม่ รวมถึงวิศวกรรมโปรตีน (Protein Engineering) ทำการสร้างเอนไซม์ชนิดใหม่เพื่อให้เกิดการทำงานที่เป็นประโยชน์และก่อให้เกิดสารมีมูลค่าเพิ่ม เช่น ฮอร์โมนพืชภายใต้ชื่อ BioVis งานวิจัยด้านการใช้สารชีวภาพโดยเฉพาะเอนไซม์ที่มีความจำเพาะต่อสารที่ต้องวิเคราะห์อย่างสูง เพื่อวัดปริมาณการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
เน้นการสร้างอุปกรณ์ต้นแบบและนวัตกรรมทางเคมีไฟฟ้าหรือการเปล่งแสงเพื่อการประยุกต์ใช้งานได้จริง รวมถึงการศึกษาโครงสร้างของเอนไซม์เฉพาะทางเพื่อสร้างผลิตผลที่มีมูลค่าสูง เช่น ความสามารถในการเพิ่มผลิตผลของนํ้าตาลที่เกิดได้ยากและมีราคาสูง สำหรับตลาดเคมีภัณฑ์ และการพัฒนาโครงสร้างของอนุพันธุ์ไคโตโอลิโกแซคคาร์ไรด์ที่มีฤทธิ์เป็นยาต้านจุลชีพใหม่ เป็นต้น
สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ได้รับการจัดอันดับโดย Nature Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดถึงงานวิจัยคุณภาพระดับสูงในเวทีสากล ให้ขึ้นสู่ “อันดับที่ 1” มหาวิทยาลัยของประเทศไทย ที่มีผลงานวิจัย “ชั้นเลิศ” ในทุกสาขาวิชาด้าน Natural Sciences ทั้ง Physical, Chemistry, Life Sciences และ Earth & Environmental Sciences และเป็นอันดับที่ 4 ในอาเซียน (อันดับที่ 1-3 เป็นของมหาวิทยาลัยจากประเทศสิงคโปร์) รวมถึงการครอง “อันดับที่ 1 ของประเทศไทย เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน” ในสาขาวิชา Chemistry
ความสำเร็จเหล่านี้ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าความตั้งใจของ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ที่ก่อตั้งโดยกลุ่ม ปตท.ที่ต้องวางโครง สร้างพื้นฐานการพัฒนาประเทศไปสู่อนาคต โดยใช้ “นวัตกรรม” ยกระดับเศรษฐกิจ และสังคม ของประเทศไปสู่ความยั่งยืน