บราเดอร์ ลั่นขยายตลาดทุกมิติ รับเศรษฐกิจฟื้น

17 มี.ค. 2566 | 08:59 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2566 | 09:15 น.

บราเดอร์ ประกาศขยายตลาดทุกมิติ รับเศรษฐกิจฟื้น ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ ขยายลูกค้ากลุ่ม B2B - พาร์ทเนอร์ รวมถึงช่องทางอี- คอมเมิร์ซ ตั้งเป้าเติบโต 5%

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทบราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2566  บราเดอร์ วางแผนรุกตลาดครั้งใหญ่ของ  ภายหลังแนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ปัญหาสินค้าขาดตลาดคลี่คลาย   โดยทิศทางของบราเดอร์ขยายตลาดทุกมิติ ทั้งเชิงลึก และเชิงกว้าง  ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์และบริการ ที่จะมีทั้งหมวดผลิตภัณฑ์เดิม และผลิตภัณฑ์ใหม่

บราเดอร์ ลั่นขยายตลาดทุกมิติ รับเศรษฐกิจฟื้น

ส่วนพาร์ทเนอร์ เดิมจะมุ่งให้ความสำคัญรีเทลขนาดใหญ่  แต่ปีนี้ จะให้ความสำคัญกับทุกตลาดตั้งแต่เล็ก-ใหญ่  หรือรีเทล และคอมเมอร์เชียล  ขณะที่ลูกค้านั้นเดิมฐานลูกค้าของบราเดอร์อยู่ในกลุ่มคอนซูเมอร์ หรือ B2C แต่ปีนี้มุ่งขยายตลาดทั้ง B2C  และ B2B โดยจะมุ่งขยายตลาดองค์กรมากขึ้น  โดยในปีงบประมาณ 66 ตั้งเป้าการเติบโตไว้ 5% หลังปีที่ผ่านมาเติบโต 12%  ขณะทึ่ตลาดพรินเตอร์โดยรวมเติบโต 1-2%

บราเดอร์จะมุ่งสร้างการรับรู้และการยอมรับในแบรนด์เพิ่มมากขึ้นทั้งในกลุ่มลูกค้าองค์กรและกลุ่มลูกค้าผู้บริโภค ครอบคลุมทุกกลุ่มเจนเนอเรชัน โดยเฉพาะกลุ่มนิวเจนที่บราเดอร์ เห็นว่ามีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก จึงเน้นที่จะเจาะกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นด้วยการใช้กลยุทธ์แบรนด์พรีเซนเตอร์มาเชื่อมและพัฒนาจากผู้บริโภคสู่ community

“ความได้เปรียบของ บราเดอร์ คือการมีผลิตภัณฑ์ทั้งกลุ่ม print และ non-print ที่พร้อมตอบความต้องการทุกเจนเนอเรชัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้สามารถพัฒนากลยุทธ์การตลาดได้หลากหลายและปรับให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดได้ทุกกลุ่ม ซึ่งในปีนี้ บราเดอร์ มีการปรับโครงสร้างทีมขาย ที่พร้อมจะสนับสนุนพาร์ทเนอร์ให้ร่วมสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน  และ เพื่อรับการกลับมาของตลาดเราจึงวางแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในทุกกลุ่มตลอดปี และที่สำคัญเราได้วางกลยุทธ์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ลูกค้า ด้วยการจับมือแบรนด์ระดับโลกสร้างสรรค์ collaborative product เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่สินค้าของ บราเดอร์” 

 

ด้านนางสาวทิพยา ไตรเสถียรกุล ผู้จัดการอาวุโสแผนกธุรกิจเครื่องพิมพ์ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด ได้วิเคราะห์ถึงทิศทางตลาดเครื่องพิมพ์ในไทยว่า สำหรับ บราเดอร์ ตลาดในภาพรวมยังคงทรงตัว การที่ บราเดอร์ จะเติบโตได้นั้นจะต้องขยายส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มมากขึ้นด้วยการวางแผนขยายฐานกลุ่มลูกค้าคอมเมอร์เชียล      เช่นเดียวกับกลุ่มตลาดรีเทล ที่บราเดอร์ได้รุกตลาดอย่างเต็มที่ในปีที่ผ่านมา ทั้งยังนำเสนอสินค้าใหม่ที่เพิ่มศักยภาพด้านคุณภาพการพิมพ์สู่ตลาด เพื่อเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีคุณภาพที่สุดสู่ตลาด  ซึ่งในปีนี้ บราเดอร์ ก็จะสานต่อกลยุทธ์ดังกล่าวในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้มากขึ้น ยิ่งในปีนี้ บราเดอร์ มีแบรนด์พรีเซนเตอร์ PROXIE (พร็อกซี)นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์สู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น

โดยจากรายงานของ จีเอฟเค (GFK) เกี่ยวกับตัวเลขส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องพิมพ์ในปี 2565 ระบุว่า บราเดอร์ครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มเครื่องพิมพ์โมโนเลเซอร์มัลติฟังก์ชัน 47.8%, กลุ่มเครื่องพิมพ์โมโนเลเซอร์อยู่ที่ 27.7%, กลุ่มเครื่องพิมพ์คัลเลอร์เลเซอร์มัลติฟังก์ชัน 51.5%, กลุ่มเครื่องพิมพ์คัลเลอร์เลเซอร์อยู่ที่ 37.3% และกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แทงค์อยู่ที่ 23.4%

ในปีนี้ บราเดอร์ ยังคงสร้างการรับรู้เกี่ยวกับประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้จากการใช้วัสดุสิ้นเปลืองแท้ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ด้วยการร่วมมือกับช่องทางการขายที่จำหน่ายเฉพาะผลิตภัณฑ์แท้ทำการโปรโมทมาอย่างต่อเนื่องซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี การเติบโตของช่องทางขายแบบอีคอมเมิร์ซ ส่งผลอยากมากต่อประสิทธิภาพการขายในยุคปัจจุบันบราเดอร์ จึงได้เดินหน้าพัฒนาศักยภาพในด้านดังกล่าวแก่ช่องทางการขายทั่วประเทศด้วยเช่นกัน รวมถึงเดินหน้าสนับสนุนพาร์ทเนอร์ 10-20 ราย เพื่อพัฒนาช่องทางออนไลน์ เสริมช่องทางออฟฟิศเชียลของบราเดอร์  โดยคาดว่าจะมีการเติบโตช่องทางออนไลน์ 25-30%

หากวิเคราะห์ถึงกระแสนิยมด้านการพิมพ์ ณ ปัจจุบันพบว่า ความต้องการในแบบ print on demand หรือ manage print service ยังคงเป็นกระแสที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าคอมเมอร์เชียลและเป็นสิ่งที่ บราเดอร์ ให้ความสำคัญมาตลอด และยังคงเน้นเพื่อการเติบโตต่อไปในปีนี้

ส่วนนายพงษ์พันธ์ สุระวัฒน์เจริญ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขยายธุรกิจ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าความสำเร็จของ  บราเดอร์  คือการพิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถก้าวสู่การเป็น 1 ใน 3 แบรนด์ผู้นำในทุกกลุ่มตลาด non-print โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล GTX ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง80% ด้วยคุณลักษณะที่สามารถสร้างสรรค์ชิ้นงานในแบบ personalized printing ได้โดยแผนการขยายส่วนแบ่งการตลาดในปีนี้นั้นจะสอดคล้องไปกับแผนแม่บทขององค์กร ที่เน้นขยายตลาดสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ และการนำศักยภาพของสินค้าบราเดอร์มารวมกันในรูปแบบโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายได้อย่างลงตัวที่สุดนอกจากนี้ บราเดอร์ ยังวางแผนที่จะนำเข้าสินค้าใหม่ๆ เพื่อมอบประสบการณ์การพิมพ์ที่มีคุณภาพให้แก่กลุ่มตลาดคอมเมอร์เชียลและอินดัสเตรียล เพื่อเพิ่มโอกาสการขายให้มากขึ้นด้วย