เผยโฉม OpenPhone โมเดล AI สั่งงานแอปบนมือถือ ไม่ต้องง้อเน็ต-ปลอดภัยสูง

19 ธ.ค. 2568 | 03:34 น.

ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยฮ่องกง เปิดตัว OpenPhone โมเดล AI อัจฉริยะที่รันบนสมาร์ทโฟนได้โดยตรง 100% ไม่ต้องส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ ชูจุดเด่นสั่งงานแอปแทนเราได้เหมือนมนุษย์ ประมวลผลไวขึ้น 5 เท่า และไม่เก็บค่าบริการ API มุ่งสร้างมาตรฐาน AI Phone ยุคใหม่ปี 2569 ที่เน้นความเป็นส่วนตัวขั้นสูงสุด

KEY

POINTS

  • OpenPhone เป็นโมเดล AI สำหรับสมาร์ทโฟนที่ประมวลผลทุกอย่างจบในเครื่อง (On-device) ทำให้สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
  • ชูจุดเด่นด้านความปลอดภัยสูง เพราะข้อมูลส่วนตัวไม่ถูกส่งออกไปประมวลผลบนคลาวด์ และทำงานได้รวดเร็วกว่าเดิมแม้ในที่อับสัญญาณ
  • เป็นโปรเจกต์โอเพนซอร์สที่พัฒนาโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง เปิดให้ใช้งานฟรีเพื่อยกระดับความเป็นส่วนตัวให้เป็นสิทธิพื้นฐาน

ยุคที่สมาร์ทโฟนฉลาดขึ้นกำลังมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะที่ผ่านมาการใช้งาน AI บนสมาร์ทโฟนมีข้อจำกัดใหญ่คือ ข้อมูลส่วนตัวมักถูกส่งไปประมวลผลบน "คลาวด์" (Cloud) เสมอ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งเรื่องความล่าช้า ความเสี่ยงข้อมูลรั่วไหล และต้นทุนค่าบริการที่สูง

ล่าสุดมีการเปิดตัว "OpenPhone" ระบบสมาร์ทโฟน AI รูปแบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาให้ "คิดและทำงานจบในเครื่องเดียว" (On-device) โดยไม่ต้องส่งข้อมูลออกไปข้างนอก และเปิดให้ใช้งานได้ฟรีแบบโอเพนซอร์ส (Open-Source) เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสมาร์ทโฟนทั่วโลก

เผยโฉม OpenPhone โมเดล AI สั่งงานแอปบนมือถือ ไม่ต้องง้อเน็ต-ปลอดภัยสูง

ที่มาของ ‘สมองกลส่วนตัว’ จากแล็บวิจัยฮ่องกง

โปรเจกต์นี้ไม่ได้มาจากบริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ แต่เกิดจากความพยายามของ ทีมวิจัย HKUDS จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง (University of Hong Kong) ที่ต้องการแก้โจทย์ใหญ่ว่า "ทำอย่างไรให้ AI เก่งๆ ไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา"

โดยทีมวิจัยได้ปลดล็อกข้อจำกัดเดิมๆ ที่เปรียบ AI เก่งๆ เหมือน "สมองกลติดเกาะ" อยู่บนคลาวด์ไกลๆ ที่มือถือต้องคอยส่งสารวิ่งไปถามคำตอบตลอดเวลา มาเป็นการย้ายสมองกลนั้นมา "สร้างบ้านอยู่ในมือถือ" ของเราโดยตรง

สูตรสำเร็จ ‘3B’ ขนาดที่พอดีเหมือนการจัดกระเป๋า

หัวใจสำคัญของ OpenPhone คือขนาดโมเดล 3,000 ล้านพารามิเตอร์ (3B) ซึ่งทีมวิจัยวิเคราะห์ว่าเป็น "จุดที่ลงตัวที่สุด" (The Sweet Spot) โดยเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน ดังนี้:

  • ถ้าโมเดลใหญ่เกินไป: เหมือนกระเป๋าใบยักษ์ที่ยัดลงใต้เบาะรถ (มือถือ) ไม่ลง ทำให้เครื่องอืดและร้อน
  • ถ้าโมเดลเล็กเกินไป: เหมือนกระเป๋าใบจิ๋วที่ใส่ของจำเป็น (ความฉลาด) ได้ไม่ครบ
  • ขนาด 3B: จึงมีความสมดุล คือมีพลังสมองเพียงพอที่จะเข้าใจคำสั่งซับซ้อน แต่ยังมีขนาดเล็กพอที่จะประมวลผลในมือถือได้อย่างรวดเร็ว

เผยโฉม OpenPhone โมเดล AI สั่งงานแอปบนมือถือ ไม่ต้องง้อเน็ต-ปลอดภัยสูง เช็กสเปกสมาร์ทโฟนขั้นต่ำที่จะรัน OpenPhone ได้

เพื่อให้ใช้งาน AI ตัวนี้ได้อย่างลื่นไหล สมาร์ทโฟนควรมีคุณสมบัติพื้นฐานที่รองรับการประมวลผลหนักๆ ภายในเครื่อง ดังนี้:

  • หน่วยความจำ (RAM): ควรมีอย่างน้อย 8-12GB เพื่อให้โมเดลมีพื้นที่ในการ "คิด" และทำงานร่วมกับแอปอื่นๆ ได้พร้อมกัน
  • ชิปประมวลผล: รองรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผล AI โดยเฉพาะ หรือ NPU (Neural Processing Unit) เช่น ชิปตระกูล Snapdragon 8 Series หรือชิปเกรดพรีเมียมรุ่นล่าสุดในท้องตลาด
  • พื้นที่ว่าง: ต้องมีพื้นที่สำหรับติดตั้งตัวโมเดลและระบบจัดการเบื้องต้น แม้จะมีขนาดกะทัดรัดแต่ควรมีพื้นที่ว่างสำรองไว้อย่างน้อย 5-10GB

ทำไม OpenPhone ถึงน่าสนใจและแตกต่าง?

การย่อส่วนโมเดลให้เล็กลงแต่ยังคงความฉลาดเทียบเท่าโมเดลขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ใช้งานจะได้รับประโยชน์ทันทีใน 4 ด้านหลัก:

  • ปลอดภัยขั้นสุด: ข้อมูลการแชต รูปภาพ หรือคำสั่งส่วนตัว จะถูกประมวลผลอยู่แค่ในเครื่อง ไม่มีการส่งไปที่บริษัท AI เจ้าไหน ลดความกังวลเรื่องการแอบเก็บข้อมูล
  • ทำงานไว ไม่ต้องมีเน็ต: ประมวลผลในเครื่องได้ทันที รวดเร็วกว่าเดิม 3-5 เท่า และใช้งานได้แม้ในที่อับสัญญาณ
  • ประหยัดแบตเตอรี่: ระบบกินไฟน้อยลง ทำให้มือถือไม่ร้อนและใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน
  • ไม่มีค่าบริการแอบแฝง: เนื่องจากไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ราคาแพง ผู้พัฒนาแอปฯ จึงนำไปติดตั้งให้ใช้ได้ฟรีโดยไม่ต้องเก็บค่าบริการรายเดือนเพิ่ม

เผยโฉม OpenPhone โมเดล AI สั่งงานแอปบนมือถือ ไม่ต้องง้อเน็ต-ปลอดภัยสูง AI ที่ ‘ตาสว่าง’ มองเห็นหน้าจอเหมือนมนุษย์

ความพิเศษที่เหนือกว่า AI ทั่วไปคือ OpenPhone ถูกฝึกฝนให้ "ดูหน้าจอเป็น" โดยใช้ชุดข้อมูลจำลองหน้าจอมือถือจำนวนมหาศาล เปรียบเหมือน AI มีดวงตาที่มองเห็นไอคอนและปุ่มต่างๆ เมื่อสั่งงาน มันจะไม่ได้แค่ตอบเป็นคำพูด แต่สามารถ "ใช้นิ้วเสมือน" กดสั่งงานตามแอปต่างๆ แทนเราได้ทันที เช่น การสั่งจองตั๋วเครื่องบิน หรือจัดการตารางนัดหมายในแอปฯ

การเปิดตัวแบบ Open-Source ในครั้งนี้ ทีมวิจัยตั้งเป้าให้ความเป็นส่วนตัว (Privacy) ไม่ใช่ของราคาแพงที่ต้องจ่ายเงินซื้อ แต่เป็นสิทธิพื้นฐานที่นักพัฒนาสามารถนำไปใส่ในมือถือทุกระดับราคาได้ตั้งแต่ปีนี้ และปี 2569 เป็นต้นไป เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุค "AI Phone" อย่างแท้จริง

เรียบเรียงจาก  Github