KEY
POINTS
นายดาริล พลัมเมอร์ (Daryl Plummer) รองประธานและหัวหน้าฝ่ายวิจัย AI ของการ์ทเนอร์ อิงค์ เปิดเผยว่าความเสี่ยงและโอกาสจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กำลังส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจของมนุษย์ ผู้นำองค์กรต้องให้ความสำคัญกับ ‘การปรับพฤติกรรมคน’ ควบคู่กับ ‘การปรับเทคโนโลยี’ หากต้องการอยู่รอดในทศวรรษหน้า
โดยการ์ทเนอร์ แบ่งแนวโน้มหลักออกเป็น 3 หมวด ได้แก่ แรงงานในยุค AI (Talent in the AI Age), อธิปไตยทางเทคโนโลยี (Sovereignty) และ AI ที่แทรกซึมอย่างแนบเนียน (Insidious AI) ซึ่งทั้งหมดสะท้อนภาพเดียวกันว่า “AI จะเปลี่ยนทุกระบบ” ตั้งแต่วิธีทำงานของคนไปจนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจโลก
การ์ทเนอร์ ระบุว่าคาดการณ์เชิงกลยุทธ์ประจำปี 2569 และหลังจากนั้น สะท้อนชัดว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่กลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของสังคม เศรษฐกิจ และพฤติกรรมมนุษย์
ภายในปี 2570 กว่า 75% ของกระบวนการจ้างงานทั่วโลกจะมีการทดสอบความสามารถด้าน AI (AI Proficiency Test) เป็นส่วนหนึ่งของการคัดเลือก เพื่อประเมินว่าผู้สมัครสามารถใช้ AI ในการทำงานจริงได้หรือไม่ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจบนฐานข้อมูล ทักษะด้าน AI จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญกำหนดค่าตอบแทน แรงงานที่ใช้ Gen AI แก้ปัญหาได้จริงจะได้รับค่าจ้างสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ภายในปี 2570 ราว 35% ของประเทศทั่วโลกจะใช้ระบบ AI เฉพาะภูมิภาค (Region-specific AI platforms) ที่ออกแบบตามข้อมูล ภาษา และกฎหมายของแต่ละประเทศ ทำให้แนวคิด “AI หนึ่งเดียวทั่วโลก” เริ่มจางหาย องค์กรข้ามชาติจะต้องบริหาร AI หลายระบบที่มีกฎและโครงสร้างแตกต่างกัน ขณะที่ผู้ให้บริการเทคโนโลยีต้องเร่งพัฒนา พันธมิตรในประเทศ และใช้ Sovereign Cloud เพื่อรักษาความสามารถแข่งขัน
ภายในปี 2571 ระบบ Multiagent AI หรือ AI หลายตัวทำงานร่วมกัน จะเข้ามาแทนระบบ CRM แบบเดิม โดยให้ AI จัดการงานประจำ ส่วนพนักงานมนุษย์เน้นการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและต้องใช้ความเข้าใจทางอารมณ์ องค์กรที่ไม่ปรับตัวจะเสียเปรียบทางการแข่งขัน เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการบริการที่ “รวดเร็ว ง่าย และแม่นยำ” และมีแนวโน้มจะอยู่กับแบรนด์ที่มอบประสบการณ์เช่นนี้ได้ต่อเนื่อง
ภายในปี 2571 กว่า 90% ของธุรกรรม B2B ทั่วโลก มูลค่ารวมกว่า 15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 487.5 ล้านล้านบาท) จะดำเนินการผ่าน AI Agents โดยตรง ก่อให้เกิด “เศรษฐกิจข้อมูลตรวจสอบได้” (Verifiable Data Economy) ที่ข้อมูลกลายเป็นสกุลเงินใหม่ของธุรกิจ
ภายในปี 2569 จะมีกรณีความเสียหายหรือการเสียชีวิตจากความผิดพลาดของ AI มากกว่า 1,000 เหตุการณ์ทั่วโลก (Gartner เรียกว่า “Death by AI”) ซึ่งจะนำไปสู่การออกกฎควบคุมที่เข้มงวด การสอบสวนโดยหน่วยงานรัฐ และต้นทุนด้านกฎหมายที่สูงขึ้น บริษัทที่ใช้ AI จำเป็นต้องติดตั้งระบบ AI Guardrails และแสดงความโปร่งใสเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายและชื่อเสียง
ภายในปี 2573 ราว 22% ของธุรกรรมการเงินทั่วโลกจะเป็น Programmable Money ที่ฝังเงื่อนไขการใช้งานในระบบ (เช่น smart contracts) เพื่อให้ AI สามารถทำธุรกรรมและตัดสินใจได้เอง สร้างเศรษฐกิจใหม่ของ “Machine Customers” หรือธุรกิจระหว่าง AI กับ AI อย่างไรก็ตาม ความไม่สอดคล้องของมาตรฐาน และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ Programmable Money ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของตลาดนี้
ภายในปี 2570 กฎระเบียบด้าน AI จะครอบคลุมกว่า 50% ของเศรษฐกิจโลก และผลักดันเม็ดเงินลงทุนด้าน AI Compliance มากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.62 แสนล้านบาท) องค์กรจำเป็นต้องสร้างระบบกำกับดูแล AI อย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับกฎที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
การ์ทเนอร์ ย้ำว่า “AI จะไม่เพียงเปลี่ยนงาน แต่จะเปลี่ยนมนุษย์” องค์กรที่พร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมคนจะเป็นผู้ได้เปรียบในยุคใหม่ เพราะอนาคตไม่ได้วัดกันที่ใครมี AI ก่อน แต่ที่ใคร “ใช้ AI ได้อย่างมีคุณค่าและยั่งยืนกว่า”