KEY
POINTS
วันนี้ 24 พฤศจิกายน 2568 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ และ รองเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กสทช. ,AIS,TRUE และ DTAC ได้จัดตั้ง War room ที่โรงแรมหาดใหญ่ซิกเนเจอร์ เพื่อดูแลระบบสื่อสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเสาสัญญาณจะต้องมีเครื่องเจน หรือ เครื่องกำเนิดสัญญาณ (Signal Generator) พร้อมทั้งได้วางแผนฉุกเฉินในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบ 7 จังหวัด สงขลา ปัตตานี พัทลุง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ยะลา และ สตูล ได้เตรียมกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำท่วมเข้าสถานีฐาน และ น้ำมันสำหรับเครื่องปั่นไฟสำรองในกรณีที่ถูกตัดไฟ เพื่อให้สถานีฐานที่เหลือยังคงให้บริการต่อได้อย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงาน กสทช. เตรียมพร้อมติดตามสถานการณ์และเร่งแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ตอนล่าง จังหวัดยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส ที่จะเกิดฝนตกสะสม น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง รวมทั้งประสานผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างปกติ
สำนักงาน กสทช. ช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ ดังนี้
ขณะที่ AIS หรือ บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) AIS ยังดูแลเสถียรภาพโครงข่ายอย่างใกล้ชิด ติดตามสถานการณ์และพร้อมปรับแผนรองรับตลอด 24 ชั่วโมง เอไอเอส ขอยืนยันว่าจะยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องชาวใต้และคนไทยทุกคน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ขณะที่ TRUE หรือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เพิ่มมาตรการฉุกเฉินในการติดตามสถานการณ์โครงข่ายในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งภาคใต้ พร้อมเตรียมความพร้อมทีมวิศวกรและอุปกรณ์สำรอง เพื่อรักษาคุณภาพสัญญาณให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง สนับสนุนการติดต่อสื่อสารของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่น้ำท่วม
“โมเดลทุ่งสง” คือแนวทางที่ทรู คอร์ปอเรชั่นใช้ดูแลโครงข่ายในภาวะน้ำท่วมพื้นที่ อำเภอทุ่งสง และอีกหลายอำเภอของ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเร่งส่งทีมวิศวกรและทีมเน็ตเวิร์กลงพื้นที่ตรวจเช็กและปกป้องสายไฟเบอร์เส้นหลักที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของโครงข่ายก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นเร่งดูแลสถานีฐานและจุดสื่อสารสำคัญในพื้นที่น้ำท่วมและจุดเสี่ยงน้ำป่าทะลัก ตามแผนฉุกเฉิน เพื่อให้มือถือและเน็ตบ้านของประชาชนยังใช้งานได้ต่อเนื่อง แม้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์อพยพและการประสานงานช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังมีมาตรการฉุกเฉินเสริมความพร้อมเครือข่าย ได้แก่ การเตรียมเครื่องปั่นไฟ น้ำมันสำรอง และแบตเตอรี่สำรองให้สถานีฐานในพื้นที่เสี่ยงไฟฟ้าดับจากน้ำท่วมโดยเฉพาะหาดใหญ่ การจัดรถโมบายล์สถานีฐานเคลื่อนที่เร็ว (Cell on Wheels: COW) เสริมสัญญาณในจุดวิกฤต การเตรียมรถ 4WD และเรือท้องแบนเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย การจัดทีมซ่อมบำรุงฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์สำรองดูแลระบบสื่อสารให้ทำงานต่อเนื่อง การประสานงานกับหน่วยงานรัฐและเอกชนเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชน และการใช้ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ BNIC ร่วมกับระบบ AI Network Monitoring ดูแลและบริหารเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง
NT หรือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด แจ้งว่า เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ส่งผลกระทบต่อการให้บริการอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์บ้าน บางส่วน ขณะนี้ NT อยู่ระหว่างเร่งแก้ไขอย่างเต็มกำลัง
อย่างไรก็ตาม บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ my 700 MHz และบริการ Digital Trunk Radio Service (DTRS) ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ เพื่อรองรับการสื่อสารที่จำเป็นในพื้นที่.