Samsung ผงาดเบอร์ 1 สมาร์ทโฟนไทยครองแชร์ 24% Apple โตแรง
Omdia เผย Samsung ครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนไทยไตรมาส 3/68 ที่ 24% อันดับ 4 Apple ทำผลงานเด่น ส่วนตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมหดตัวลง 1% เป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ผู้ผลิตเผชิญแรงกดดันต้นทุนชิ้นส่วนสูงขึ้น
KEY
POINTS
- ซัมซุงครองตำแหน่งผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนไทยในไตรมาสที่ 3 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 24%
- แอปเปิลมีการเติบโตที่โดดเด่นและแข็งแกร่ง ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 ด้วยส่วนแบ่ง 13%
- อันดับรองลงมาใน 5 อันดับแรก ได้แก่ OPPO (17%), Xiaomi (15%) และ vivo (11%)
ผลการวิจัยล่าสุดจาก ออมเดีย หรือ Omdia (Canalys) เผยว่า ส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยประจำไตรมาสที่ 3 แสดงให้เห็นว่า ซัมซุง (Samsung) ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ แอปเปิล (Apple) ก็มีผลงานที่โดดเด่นขึ้นอย่างน่าสนใจ
จากการจัดอันดับส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนในไทย 5 อันดับแรกในไตรมาสล่าสุด พบว่า Samsung ครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดมากถึง 24% และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้า
อันดับที่ 2 คือ ออปโป้ (OPPO) ที่มีส่วนแบ่ง 17% แต่มีสัญญาณของการหดตัวลง
อันดับที่ 3 คือ เสียวหมี่ (Xiaomi) ด้วยส่วนแบ่ง 15% โดยมีทิศทางคงที่หรือมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก
ส่วนอันดับที่ 5 คือ วีโว่ (vivo) ซึ่งมีส่วนแบ่ง 11% และมีแนวโน้มการหดตัวลงเช่นเดียวกับ OPPO
การเติบโตของ Samsung และ Apple ในตลาดไทยสอดคล้องกับแนวโน้มในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ Samsung ใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมในตลาดที่มีราคาขายเฉลี่ย (ASP) สูงกว่า (เช่น ไทย) ในการรักษาความแข็งแกร่งของส่วนแบ่ง ขณะที่การเติบโตของ Apple ซึ่งเน้นตลาดพรีเมียม ก็บ่งชี้ถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่งในตลาดระดับบนของประเทศไทยเช่นกัน
สำหรับภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หดตัวลง 1% ในไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมียอดจัดส่งรวม 25.6 ล้านเครื่อง นับเป็นการหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน ซัมซุง (Samsung) เป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ ด้วยยอดจัดส่ง 4.6 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่ง 18%
ขณะที่ ทรานส์ชั่น (TRANSSION) ตามมาอย่างใกล้ชิดด้วยยอดจัดส่ง 4.6 ล้านเครื่อง และส่วนแบ่ง 18% รักษาตำแหน่งไว้ได้ด้วยการเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน เสียวหมี่ (Xiaomi) คว้าอันดับสามด้วยส่วนแบ่ง 17%
เลอ ซวน ชิว (Le Xuan Chiew) ผู้จัดการฝ่ายวิจัยของ Omdia กล่าวว่า ความผันผวนของยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นกำลังจัดการได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดความเป็นผู้นำด้านส่วนแบ่งปริมาณ ผู้ผลิตหลายรายต้องเผชิญกับต้นทุน BoM (Bill of Materials) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากราคาหน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูลที่สูงขึ้น ซึ่งจะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่ออุปกรณ์ที่มีราคาต่ำกว่า โดยเฉพาะในภูมิภาคนี้ที่มีตลาดอ่อนไหวต่อราคาสูง
โดยสมาร์ทโฟนกว่า 60% ที่จัดส่งมีราคาต่ำกว่า 200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้ผลิตจึงต้องสร้างสมดุลระหว่างการตั้งราคาที่แข่งขันได้ กับทางเลือกที่จะปรับราคา ลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ หรือลดการตลาดเพื่อปกป้องกำไร
เซ็ง วิน โชว (Sheng Win Chow) นักวิเคราะห์อาวุโสของ Omdia กล่าวเพิ่มเติมว่า TRANSSION เป็นผู้นำด้านการจัดส่งในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ด้วยรุ่น Infinix และ TECNO ที่มีราคาที่แข่งขันได้
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนหน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูลที่สูงขึ้นอาจท้าทายความสามารถในการรักษาราคาที่ดุดันเช่นนี้ และอาจคุกคามความเป็นผู้นำด้านปริมาณได้